นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 236

ปีที่ 50 ฉบับที่ 236 พฤษภาคม - มิถุนายน 2565 5 ไกรสุจิต ขีดขั้น ฐิติมา เจริญดี นิชาภัทร คำ�ทอง สุภา สิงห์โตแก้ว นิสิตสาขาวิทยาศาสตร์ศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ e-mail: nichapat.kum@ku.th, supa.sin@ku.th รศ.ดร.ศศิเทพ ปิติพรเทพิน ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปัจจุบัน ปัญหาขยะมูลฝอยชุมชน (Municipal solid waste) ของประเทศไทย นับว่าเป็นปัญหาสําคัญที่อยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณการผลิตขยะที่เพิ่มขึ้น (ปิยชาติ ศิลปสุวรรณ, 2557) รวมไปถึง วิธีการจัดการแก้ไขปัญหาขยะแต่ละประเภทซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะ พูดถึงปัญหาและการจัดการขยะพลาสติกซึ่งเป็นขยะที่ย่อยสลายยาก แต่ความเป็นจริงนั้น ร้อยละ 50 ของขยะมูลฝอยทั้งหมด เป็นขยะมูลฝอยประเภทสารอินทรีย์ เช่น เศษอาหาร เศษผัก ผลไม้ ที่แม้จะสามารถย่อยสลายได้เอง แต่่ต้องใช้เวลานาน และต้องมีวิธีจัดการที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและส่งกลิ่นเหม็น ปั ญหาขยะมูลฝอยดังกล่าวยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมและส่งผลกระทบต่อ สุขอนามัยของประชาชน ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม จําเป็นต้องอาศัยการทํางานร่วมกันจากผู้คนทุกภาคส่วนในสังคมโดยเฉพาะ การให้ความสำ�คัญกับการศึกษา เช่น สิ่งแวดล้อมศึกษาถือเป็นวิธีการหนึ่ง ที่จะช่วยสร้างความรู้ สร้างจิตสํานึก สร้างความตระหนักและสร้างความรู้สึก รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนซึ่งเป็นพลเมืองในอนาคต (Onder and Kocaeren 2015) สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติประเทศไทย (2565) เป้าหมายที่ 11 เกี่ยวข้องกับ การทำ�ให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความครอบคลุม ปลอดภัย ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงและยั่งยืน โดยมีเป้าหมายลดผลกระทบทางลบ ของเมืองต่อสิ่งแวดล้อมต่อหัวประชากรรวมถึงการให้ความสำ�คัญกับ คุณภาพอากาศและการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอื่นๆ ภายในปี พ.ศ. 2573 จากการศึกษาปัญหาขยะมูลฝอยรวมถึงพฤติกรรมการกำ�จัด ขยะมูลฝอยของสมาชิกคณะผู้เขียนในแต่ละครัวเรือน พบว่ายังมีการจัดการ ขยะมูลฝอยจำ�พวกเศษอาหารต่างๆ ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและ อาจพบปัญหาเรื่องกลิ่นที่เกิดจากการสะสมของขยะดังกล่าว และหลาย ภาคส่วนก็มีแนวทางการจัดการขยะมูลฝอยในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป โดยกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม (2563) ได้เสนอวิธีการกำ�จัดขยะมูลฝอย อย่างถูกหลักวิชาการ เช่น การเผาในเตาเผาขยะ การฝังกลบอย่างถูกลักษณะ และการหมักทำ�ปุ๋ย ซึ่งแต่ละวิธีมีความแตกต่างกันในด้านต้นทุนการดำ�เนินงาน ความพร้อมขององค์กร ปริมาณและประเภทขยะ การมีระบบการจัดการ ขยะมูลฝอย ถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีจะนำ�ไปสู่ การพัฒนาที่ยั่งยืนได้ โดยการทำ�ให้มนุษย์ทุกคนมีสิทธิในการใช้ทรัพยากร ที่มีอยู่อย่างจำ�กัดได้อย่างเท่าเทียมกัน และทำ�ให้มีความตื่นตัวมากยิ่งขึ้น ในประเด็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมให้ดำ�รงอยู่อย่างยั่งยืน (เสรี วรพงษ์, 2561) การเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และการเข้าสู่ยุคดิจิทัลทำ�ให้รูปแบบการศึกษาเกิดการเปลี่ยนแปลง ตามไปด้วย โดยแนวทางการศึกษาที่เหมาะสมเพื่อการปรับตัวของมนุษย์ และการพัฒนาตนเองให้ทันกับความก้าวหน้า มีศักยภาพในการดํารงชีวิต และเป็นประชาชนที่มีคุณภาพ ควรเป็นการศึกษาที่เน้นการประยุกต์ใช้ องค์ความรู้ที่หลากหลายนำ�ไปสู่การแก้ปัญหา ซึ่ง “สะเต็มศึกษา” เป็น กระบวนการเรียนรู้ที่ผนวกความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ เทคโนโลยีผ่านกระบวนการออกแบบทางวิศวกรรม เพื่อนำ�ความรู้มา ประยุกต์ใช้ในกระบวนการแก้ปัญหาที่เกิดกับตัวผู้เรียนหรือท้องถิ่นของ ผู้เรียน การนําความรู้มาใช้แก้ปัญหาจึงมีความหมายต่อผู้เรียนโดยตรง ทําให้เกิดการเชื่อมโยงความรู้ที่ได้รับในห้องเรียนกับการนํามาประยุกต์ใช้ สะเต็มศึกษา เพื่อการดำ�รงชีวิตที่ยั่งยืน

RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5