นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 236

6 นิตยสาร สสวท. ในการแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งในห้องเรียนและในชีวิตจริง (สมชาย พัฒนา ชวนชม, 2557) นอกจากนี้ เป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็ม ศึกษาคือ การพัฒนาผู้เรียนในด้านต่าง ๆ ที่จำ�เป็นในศตวรรษที่ 21 (Lantz, 2009; Capraro et al., 2013) อันได้แก่ ความสามารถในการแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ การทำ�งานเป็นทีม และการร่วมมือรวมพลัง รวมทั้ง มุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถสร้างความเชื่อมโยงระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์กับโลกแห่งความเป็นจริง ความท้าทายอีกประการหนึ่งของการใช้แนวคิดสะเต็มศึกษาคือ การนำ� แนวคิดสะเต็มศึกษามาพัฒนาคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ โดยบทบาท สำ�คัญของสะเต็มศึกษาคือ การทำ�ความเข้าใจและส่งเสริมให้เกิดการแก้ปัญหา สิ่งแวดล้อมที่มีความเชื่อมโยงกับ เศรษฐกิจ การเมืองและสังคม จุดเน้น สำ�คัญอยู่ที่ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Awareness) และความเข้าใจกลไกของระบบนิเวศ การประยุกต์สมดุลของการใช้ทรัพยากร ธรรมชาติคุ้มค่า (Bybee, 2013) แสดงให้เห็นว่า ความสำ�คัญของแนวคิด สะเต็มศึกษาส่งเสริมให้เกิดการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม สามารถเชื่อมโยงกับ ปัญหาขยะมูลฝอยที่พบ คณะผู้เขียนจึงได้นำ�แนวทางของสะเต็มศึกษา ที่มีการออกแบบผ่านกระบวนการเชิงวิศวกรรมมาใช้ในการสร้างชิ้นงาน ที่เป็นนวัตกรรม โดยสอดคล้องกับบริบทของสมาชิกในกลุ่มอาศัยอยู่ตำ�บล เย้ยปราสาท อำ�เภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ นำ�ไปสู่นวัตกรรมในการกำ�จัด ขยะมูลฝอยในครัวเรือนในรูปแบบถังขยะกินได้ สะเต็มในชีวิตประจำ�วัน 1. ระบุปัญหา (Problem Identification) คณะผู้เขียนร่วมกันสำ�รวจและรวบรวมปัญหาจากสภาพแวดล้อม รอบตัวในชีวิตประจำ�วัน จากนั้นระดมความคิดและระบุปัญหาที่สนใจ พบว่ามีขยะในครัวเรือนจำ�พวกขยะเปียกที่เกิดจากเศษอาหารที่เหลือจากการ รับประทาน ขยะจำ�พวกเปลือกผลไม้และเศษผักต่างๆ ในแต่ละวันทิ้งเป็น จำ�นวนมาก คิดเป็นร้อยละ 65 ของขยะในครัวเรือนทั้งหมด โดยได้มีการ จัดการขยะเปียกจำ�พวกเปลือกผลไม้และเศษผักต่างๆ โดยบางส่วนนำ�ไป ทิ้งไว้ตามโคนต้นไม้ และบางส่วนรวมทั้งเศษอาหารที่เหลือจากการ รับประทานทิ้งลงในหลุมขยะเปียกที่ได้ใช้วิธีการขุดเป็นหลุมดินตามที่ เทศบาลให้จัดทำ�หลุมขยะเปียกขึ้นภายในบ้านตนเอง ซึ่งเมื่อทิ้งขยะเปียก เหล่านี้ในทุกๆ วันพบว่าเกิดปัญหาดังนี้ 1) มีกลิ่นเหม็น 2) ขยะเต็มบ่อเร็วเนื่องมาจากขยะย่อยสลายช้า 3) ไม่สามารถนำ�ดินบริเวณที่ฝังกลบขยะเปียกไปใช้ประโยชน์ได้ ต้องคอยขุดหลุมใหม่ 4) มีพื้นที่ที่ใช้ในการขุดหลุมฝังกลบขยะจำ�กัดจึงทำ�ให้ใน บางครั้งต้องทิ้งพวกเศษอาหารใส่ถุงพลาสติกและทิ้งลงถังขยะรวมกับ ขยะมูลฝอยอื่นๆ 5) ดินบริเวณดังกล่าว (ตำ�บลเย้ยปราสาท อำ�เภอหนองกี่ จังหวัด บุรีรัมย์) ไม่สามารถใช้ในการเพาะปลูกพืชได้ผลผลิตเท่าที่ควร 2. รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา (Related Information Search) จากปัญหาการทิ้งขยะเปียกลงในหลุมดินพบปัญหาทั้งหมด 5 ข้อ ดังระบุในข้อ 1 จึงนำ�ไปสู่การสืบเสาะค้นหารวบรวมข้อมูลเพื่อหาแนวทาง ในการแก้ปัญหาผ่านแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ได้แก่ การค้นหาข้อมูล เกี่ยวกับการกำ�จัดขยะเปียกในครัวเรือนในเว็บไซต์ต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ข้อมูลการกำ�จัดขยะเปียกของเทศบาลองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในเขตพื้นที่ต่างๆ ข้อมูลการสัมภาษณ์ผู้ที่นำ�แนวคิดการกำ�จัดขยะเปียก ของเทศบาลไปปรับใช้ (นายไกรศรี ขีดขั้น อดีตที่ปรึกษาเทศบาลตำ�บล แห่งหนึ่งในจังหวัดสุโขทัย) รวมทั้งการศึกษาเอกสารวิชาการ และงานวิจัย ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ 3. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Solution Design) คณะผู้เขียนร่วมกันอภิปรายและระดมความคิดเพื่อตัดสินใจ เลือกแนวทางการแก้ปัญหาที่สอดคล้องกับสถานที่และสามารถลงมือ ปฏิบัติได้ภายใต้บริบทนั้นๆ เมื่อได้แนวทางในการแก้ปัญหาการจัดการกับ ขยะเปียกแล้ว คณะผู้เขียนร่วมกันออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยต้อง คำ�นึงถึงหลักการทำ�งานของถังขยะเปียก ดังนี้ 1) ขนาดของถังขยะเปียกต้องเพียงพอกับปริมาณขยะที่จะทิ้ง ในแต่ละวัน : คำ�นวณปริมาตรของถังขยะต่อปริมาตรขยะเปียกที่ทิ้งใน แต่ละวัน 2) สร้างถังขยะเปียกที่ไม่ส่งกลิ่นเหม็นเป็นมลพิษทางกลิ่น : ใช้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหา โดยการใช้แกลบหรือเศษใบไม้แห้ง มากลบทับขยะเปียกเพื่อดูดซับกลิ่น และใช้ความรู้ในการออกแบบเชิง วิศวกรรม 3) สร้างถังขยะเปียกโดยอาศัยหลักการที่เอื้อต่อการทำ�งาน ของจุลินทรีย์เพื่อให้จุลินทรีย์ช่วยย่อยสลายเศษอาหาร ใช้ความรู้ทาง วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับปัจจัยที่เหมาะสมกับการย่อยสลายของจุลินทรีย์ และ ใช้ความรู้ในการออกแบบเชิงวิศวกรรม 4) สร้างถังขยะเปียกให้มีสภาพและสภาวะเหมาะสมกับการ ทำ�งานและการอยู่อาศัยของไส้เดือน : ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ ปัจจัยที่เหมาะสมกับการทำ�งานและการอยู่อาศัยของไส้เดือน และใช้ความรู้ ในการออกแบบเชิงวิศวกรรม 5) มีพื้นที่สำ�หรับการเพาะปลูกพืชเพิ่มขึ้น : ใช้ความรู้ในการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม

RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5