นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 242

ปีที่ 51 ฉบับที่ 242 พฤษภาคม - มิถุนายน 2566 9 จ ากเอกสารรายงานใน Statistical Review of World Energy 2020 ซึ่งรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับพลังงานโลก พบว่า แหล่งพลังงานที่ใช้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน กว่า 80% มาจาก น้ำ�มันดิบ (Oil) ถ่านหิน (Coal) และแก๊สธรรมชาติ (Natural Gas) ซึ่งแหล่งพลังงานเหล่านี้จัดเป็น เชื้อเพลิงซากดึกดำ�บรรพ์ (Fossil Fuel) กระบวนการเกิดเชื้อเพลิงซากดึกดำ�บรรพ์ใช้เวลานับล้านปี ดังนั้น การใช้เชื้อเพลิงดังกล่าวในปริมาณมากและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะทำ�ให้เชื้อเพลิง ซากดึกดำ�บรรพ์ไม่เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต ดังนั้น จึงมีความจำ�เป็น ต้องใช้เชื้อเพลิงทางเลือกมาเป็นแหล่งพลังงานทดแทนพลังงานจากเชื้อเพลิง ซากดึกดำ�บรรพ์ ตัวอย่างเช่น พลังงานลม พลังงานนิวเคลียร์ พลังงาน แสงอาทิตย์ พลังงานชีวมวล พลังงานต่างๆ เหล่านี้ นอกจากนำ�มาใช้ ทดแทนเชื้อเพลิงซากดึกดำ�บรรพ์ได้แล้ว ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาด การเพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนซึ่งเป็น พลังงานสะอาดให้เป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกสอดคล้องกับ เป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals; SDGs) ของ องค์การสหประชาชาติ (United Nations) โดยเฉพาะเป้าหมายหลักที่ 7 ซึ่งมุ่งเน้นให้ความสำ�คัญในเรื่องของพลังงานสะอาด ภาพ 2 สัดส่วนแหล่งพลังงานที่ใช้ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ภาพ 3 ตัวอย่างแหล่งพลังงานทดแทนที่จัดเป็นพลังงานหมุนเวียน พลังงานทดแทนบางประเภท เช่น พลังงานนิวเคลียร์เป็น พลังงานที่ใช้แล้วหมดไปจึงถือว่าเป็นพลังงานสิ้นเปลือง ส่วนพลังงาน ทดแทนบางประเภท เช่น พลังงานจากลม น้ำ� ดวงอาทิตย์ ชีวมวล ความร้อนใต้พิภพ เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆ จึงจัดเป็น พลังงาน หมุนเวียน (Renewable Energy) จากข้อมูล The U.S. Energy Information Administration (EIA) พบว่าแนวโน้มความต้องการ ในการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังภาพ 4 (ก) ดังนั้น การใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำ�บรรพ์มาเป็น แหล่งพลังงานเพียงแหล่งเดียวในการผลิตกระแสไฟฟ้าอาจจะไม่เพียงพอ พลังงานหมุนเวียนจึงได้เข้ามา มีบทบาทอย่างมากในการเป็นแหล่งพลังงานที่สำ�คัญในกระบวนการผลิตไฟฟ้า โดยสัดส่วนของพลังงาน หมุนเวียนในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังภาพ 4 (ข)

RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5