นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 247
26 นิตยสาร สสวท. ผลการสอบ PISA ของประเทศไทยที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ในปัจจุบันที่ นักเรียนยังไม่สามารถเชื่อมโยงความรู้ในบทเรียนเข้ากับชีวิตประจำ �วันของนักเรียนได้ เนื่องจากเนื้อหาและเรื่องราว ที่ครูจัดในห้องเรียนค่อนข้างเป็นสิ่งที่ไกลตัวนักเรียนทำ �ให้นักเรียนไม่สามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง รวมทั้งประยุกต์ใช้ความรู้ในบริบทต่างๆได้จึงจำ �เป็นอย่างยิ่งที่ครูจะต้องปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้เหมาะสมกับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ตามหลักสูตรผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่ถูกออกแบบ อย่างสร้างสรรค์ และมีความเชื่อมโยงสอดคล้องกับวิถีชีวิตของนักเรียน ก ารจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community-based Learning) เป็นแนวคิดในการใช้ชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อให้ นักเรียนเกิดการเรียนรู้จากสถานการณ์จริงและมีประสบการณ์ตรง ทำ �ให้นักเรียนเห็นความสำ �คัญของเรื่องที่จะเรียน สามารถนำ �มาประยุกต์ใช้ ั บสถานการณ์จริง ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ที่ครอบคลุมด้านต่างๆ ทั้งด้าน ความรู้วิชาการ ด้านการทำ �งาน ด้านอาชีพ ด้านการพัฒนาการของบุคคล และสังคม ด้านคุณค่าของการบริการและงาน และด้านความเข้าใจและ การใช้แหล่งประโยชน์ของชุมชน โดยเริ่มจากการเข้าใจธรรมชาติของชุมชน สร้างความรู้ผ่านสถานการณ์จริงที่มีการร่วมมือกับชุมชน การใช้ทรัพยากร และภูมิปัญญาที่มีอยู่ในชุมชน ซึ่งแตกต่างจากการเรียนในห้องเรียนที่ ผู้สอนมีหน้าที่บรรยายให้ความรู้ แต่การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เน้นการเรียนรู้จากการลงมือทำ � เพื่อให้นักเรียนสร้างความรู้ด้วยตนเองและ การเรียนรู้จากประสบการณ์กับสิ่งรอบตัวโดยการตรวจสอบหาความจริง และแก้ปัญหาจากบริบทจริง (Owens & Wang, 1996; ธันยนันท์ ศรีพันธ์ลม, 2562) การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน มีพื้นฐานมาจากทฤษฎี คอนสตรัคติวิสต์ (Constructivist Theory) โดยมีเงื่อนไขการเรียนรู้ คือ การเรียนรู้เป็นกระบวนการลงมือกระทำ �ที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคคล ความรู้ ต่างๆ จะถูกสร้างด้วยตัวนักเรียนเองโดยใช้ข้อมูลที่ได้รับมาใหม่ร่วมกับ ข้อมูลหรือความรู้ที่มีอยู่เดิม รวมทั้งประสบการณ์เดิมมาสร้างความหมาย ในการเรียนรู้ของตนเอง ประสบการณ์ของนักเรียนจะถูกนำ �มาเป็นพื้นฐาน ในการตัดสินใจ และจะมีผลโดยตรงต่อการสร้างความรู้ใหม่ แนวคิดใหม่ หรือการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้เป็นลักษณะที่ให้นักเรียนสร้างความรู้ จากการร่วมมือกันแก้ปัญหา โดยมีหลักการพื้นฐานสำ �คัญ 5 ประการ (อาเดช อุปนันท์, 2564) ดังนี้ 1. สถานการณ์ปัญหา (Problem) มาจากพื้นฐานของ Cognitive Constructivism ของเพียเจต์ ที่เชื่อว่าถ้านักเรียนได้รับการกระตุ้นให้เกิด ความขัดแย้งทางปัญญา หรือที่เรียกว่าเกิดการเสียสมดุลทางปัญญา นักเรียนต้องพยายามปรับโครงสร้างทางปัญญา (Schema) ให้เข้าสู่ภาวะ สมดุล โดยการดูดซึมหรือการปรับโครงสร้างทางปัญญาสามารถที่จะสร้าง ความรู้ใหม่ขึ้นมาได้หรือเกิดการเรียนรู้ภายใต้สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ที่ สร้างขึ้น สถานการณ์ปัญหาจะเป็นเสมือนประตูที่นำ �นักเรียนเข้าสู่เนื้อหา 2. แหล่งเรียนรู้ (Resource) เป็นที่รวบรวมข้อมูลเนื้อหา สารสนเทศที่นักเรียนใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ เช่น ชุมชนการเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งการเรียนรู้ธรรมชาติ แหล่งสารสนเทศ 3. การเสริมต่อการเรียนรู้ (Scaffolding) ซึ่งจะสนับสนุนนักเรียน ในการแก้ปัญหาหรือการเรียนรู้ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจการเรียนรู้ให้ สำ �เร็จด้วยตัวเองได้ หรือเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ใช้ความพยายามในการ เรียนรู้ โดยอาจเป็นคำ �แนะนำ � แนวทาง ตลอดจนกลยุทธ์ต่างๆ ในการ แก้ปัญหา หรือปฏิบัติภารกิจการเรียนรู้รวมทั้งกระบวนการคิด 4. การโค้ช (Coaching) เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ตาม แนวคอนสตรัคติวิสต์ โดยเปลี่ยนบทบาทของครูจากหน้าที่ในการถ่ายทอด ความรู้หรือบอกความรู้มาเป็น “ผู้ชี้แนะ” ที่ต้องให้ความช่วยเหลือและ คำ �แนะนำ �แก่นักเรียน ซึ่งมุ่งเน้นการให้ความรู้ในเชิงพุทธิปัญญา หรือ การให้รู้คิด และการสร้างปัญญา 5. การร่วมมือกันแก้ปัญหา (Collaboration) เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่ง ที่ช่วยสนับสนุนให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้อื่นเพื่อขยาย มุมมองให้แก่ตนเอง การร่วมมือกันแก้ปัญหาจะสนับสนุนให้นักเรียน เกิดการคิดไตร่ตรอง เป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งนักเรียน ครู ผู้เชี่ยวชาญ ได้สนทนาแสดงความคิดเห็นของตนเองกับผู้อื่น นอกจากนี้ ยังเป็น ส่วนสำ �คัญในการป้องกันและปรับมโนคติที่คลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น ในขณะเรียนรู้ Dukehart (1994) กล่าวถึงขั้นตอนในการเรียนรู้โดยใช้ชุมชน เป็นฐาน ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ขั้นการกำ �หนดกรอบหรือการวางแผน (Framing/ Planning) การกำ �หนดกรอบที่ชัดเจนโดยนักเรียนและครูกำ �หนดวัตถุประสงค์ ร่วมกันจะทำ �ให้นักเรียนสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ได้มากขึ้น 2. ขั้นดำ �เนินการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Activity itself) เป็นขั้นตอน ที่นักเรียนจะดำ �เนินการเรียนรู้ด้วยตนเองซึ่งอาจเป็นขั้นตอนไม่ซับซ้อน โดย การซักถามหรือค้นคว้า หรือเป็นขั้นตอนที่มีความซับซ้อนหลายขั้นตอนเพื่อ บรรลุวัตถุประสงค์การเรียนรู้ 3. ขั้นการสะท้อน (Reflection) เป็นขั้นตอนการสะท้อนหรือ สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ ซึ่งอาจจะทำ �คนเดียวโดยบันทึกการเรียนรู้ หรือการ อภิปรายกลุ่ม โดยการอภิปรายกลุ่มจะครอบคลุมสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง ไม่ถูกต้อง หรือสิ่งที่ไม่คาดหวังให้เกิดขึ้น ขั้นตอนการสะท้อนนี้จะย้อนกลับไป ยังขั้นตอนการกำ �หนดกรอบหรือวางแผน เพื่อกำ �หนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ ที่มีความใกล้เคียงต่อไป
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5