นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 247

ปีที่ 52 ฉบับที่ 247 มีนาคม - เมษายน 2567 45 Petroleum Gas) หรือใช้พลังงานจากไฟฟ้า (Liu et al., 2019) และต้อง ปรับเปลี่ยนระบบการกำ �จัดในเขตชุมชนหลายๆ แห่งของประเทศที่ยังใช้ วิธีการเผาขยะทิ้งทั้งในระดับครัวเรือนและในระดับองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น เนื่องจากระบบการบริหาร จัดเก็บ และทำ �ลายขยะขององค์การบริหาร ส่วนท้องถิ่นยังไม่มีประสิทธิภาพ ณ เวลานี้ ร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด เครื่องมือทางกฎหมาย ที่เป็นความหวังของคนไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยที่ผ่านมามีการประชุมพิจารณาร่างกฎหมายหลายครั้ง มีการรับฟัง ความคิดเห็นจากประชาชน ภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญ และมีการปรับแก้ ร่างกฎหมายในหลายประเด็น แต่ก็ยังมีความท้าทายและความกังวลว่า กฎหมายอาจจะบังคับใช้ยาก รวมทั้งมีแรงกดดันจากกลุ่มธุรกิจที่กังวลว่า กฎหมายจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของตนเอง และคาดการณ์ว่า ร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาดนี้จะสามารถผ่านสภาผู้แทนราษฎรได้ ภายในปี 2567 นี้ ดร. บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ให้สัมภาษณ์ใน “รายการ The Key ไขการเมืองเรื่องใกล้ตัว” ได้กล่าวไว้โดยสรุปว่า “นอกจากเครื่องมือ ทางกฎหมายแล้ว รัฐยังต้องใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เช่น สร้าง กองทุนสนับสนุนหมู่บ้านต่างๆ เพื่อสร้างอาชีพที่ยั่งยืน หรือเพื่อเปลี่ยน พฤติกรรมในการใช้ยานพาหนะเพื่อลดปริมาณฝุ่น เครื่องมือทางเทคโนโลยี หรือนวัตกรรม เช่น ดาวเทียมตรวจจับจุดความร้อน เพิ่มสถานีหรือ จุดตรวจวัดคุณภาพอากาศและส่งข้อมูลเข้าศูนย์ข้อมูลเพื่อประมวลผล แบบเรียลไทม์ เครื่องมือทางสังคม และเครื่องมือการสื่อสารสาธารณะ เพื่อช่วยทำ �ให้ประชาชนมีความเข้าใจ รับรู้ ตระหนัก สามารถเปลี่ยน พฤติกรรม และดูแลป้องกันสุขภาพตนเองได้” จะเห็นได้ว่า ณ เวลานี้ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 กำ �ลังทวีความรุนแรง และกลายเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพประชาชนอย่างร้ายแรง ฝุ่นละออง ขนาดเล็กเหล่านี้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ส่งผลต่อ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบสมอง และ ระบบอื่นๆ ของร่างกาย หากรัฐบาลไม่เร่งหามาตรการแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วน ผลที่ตามมาจะร้ายแรง ประชาชนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กและ ผู้สูงอายุ จะเสี่ยงต่อ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเรื้อรังอื่นๆ นอกจากนี้ ฝุ่น PM 2.5 ยังส่งผล ต่อคุณภาพชีวิต การศึกษา การทำ �งาน การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของ ประเทศ รัฐบาลจำ �เป็นต้องทุ่มเททรัพยากร ความมุ่งมั่น และความร่วมมือ จากทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วนเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน อนาคตของชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน Amnuaylojaroen, T. & Parasin, N. (2023). Future Health Risk Assessment of Exposure to PM 2.5 in Different Age Groups of Children in Northern Thailand. Toxics, 11 (3): 291. Amnuaylojaroen, T. & Parasin, N. & Limsakul, A. (2022). Health Risk Assessment of Exposure Near-future PM 2.5 in Northern Thailand. Air Quality, Atmosphere & Health, 15 (11): 1963-1979. Ji, X. & Yao, Y.: & Long, X. (2018). What Causes PM 2.5 Pollution? Cross-economy Empirical Analysis from Socioeconomic Perspective. Energy Policy, 119 : 458-472. Kelly, F. J. & Fussell, J. C. (2015). Air Pollution and Public Health: emerging hazards and improved understanding of risk. Environmental Geochemistry and Health, 37 : 631-649. Li, W. and other. (2022). A Review of Respirable Fine Particulate Matter (PM 2.5)-Induced Brain Samage. Frontiers in Molecular Neuroscience, 15 : 454. Liu, J., and other. (2019). Mitigation Pathways of Air Pollution from Residential Emissions in the Beijing-Tianjin-Hebei Region in China. Environment international, 125 : 236-244. Syrek-Gerstenkorn, Z. & Syrek-Gerstenkorn, B. & Paul, S. (2024). A Comparative Study of SOx, NOx, PM 2.5 and PM10 in the UK and Poland from 1970 to 2020. Applied Sciences, 14 (8): 3292. Zhou, M. and other. (2015). Smog Episodes, Fine Particulate Pollution and Mortality in China. Environmental Research, 136 : 396-404. บรรณานุกรม ภาพจาก: https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1774406

RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5