นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 247

ปีที่ 52 ฉบับที่ 247 มีนาคม - เมษายน 2567 47 ก ารให้ผลสะท้อนกลับแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ การให้ผลสะท้อนกลับ ระหว่างเรียน (Formative Feedback) และ การให้ผลสะท้อนกลับ หลังเรียน (Summative Feedback) ซึ่งการให้ผลสะท้อนกลับ ระหว่างเรียนเป็นการให้ข้อมูลเพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาการเรียนรู้ของ ตนเองและให้ครูได้พัฒนาการสอนด้วย แต่ที่สำ �คัญคือให้โอกาสกับผู้เรียน ที่ทำ �ผิดพลาดได้มีโอกาสแก้ไขพัฒนาตนเองให้ปฏิบัติได้ถูกต้องและเรียนรู้ ที่จะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้เพื่อทำ �ให้การเรียนรู้ไปสู่เป้าหมายที่ ตั้งไว้ ในส่วนของ การให้ผลสะท้อนกลับหลังเรียน เป็นการให้ข้อมูลสำ �หรับ ใช้ตัดสินผลการเรียนรู้เมื่อสิ้นสุดกระบวนการเรียนรู้นั้นๆ เช่น ผลการ ทดสอบกลางภาคหรือปลายภาคเรียน ผลการสอบแข่งขัน ผลการตัดสิน โครงงาน แต่อาจไม่มีการให้แนวทางการพัฒนาผู้เรียนเช่นเดียวกับการให้ ผลสะท้อนกลับระหว่างเรียน ซึ่งการให้ผลสะท้อนกลับลักษณะนี้สามารถ ส่งผลเสียกับการเรียนรู้ของผู้เรียน ทำ �ให้ความสนใจลดลง และสร้าง ความวิตกกังวลให้กับผู้เรียน (Fritz et al. 2000; Poulos and Mahony 2008) ดังนั้น การให้ผลสะท้อนกลับหลังเรียนที่ดีควรใช้ร่วมกับการให้ ผลสะท้อนกลับระหว่างเรียนที่เพียงพอเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เรียนมีความพร้อม สำ �หรับการประเมินสุดท้ายของช่วงเวลาเรียนนั้นๆ อย่างไรก็ตาม เราอาจ ไม่สามารถแบ่งการให้ผลสะท้อนกลับทั้ง 2 แบบได้อย่างชัดเจน แต่อาจใช้ การแบ่งดังนี้ การให้ผลสะท้อนที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถปรับปรุงงานได้ การให้ ผลสะท้อนกลับนั้นเป็นแบบการให้ผลสะท้อนกลับระหว่างเรียน แต่หาก การให้ผลสะท้อนกลับใดเพื่อตัดสินผลงาน ไม่มีโอกาสได้ปรับปรุงงาน การให้ผลสะท้อนกลับนั้นเป็นแบบการให้ผลสะท้อนกลับหลังเรียน การให้ผลสะท้อนกลับที่ดีอาจส่งผลร้ายกับผู้เรียนได้โดย การให้ผลสะท้อนกลับที่เป็นการเสริมแรงทางบวก ในลักษณะของการชมที่ คุณสมบัติพื้นฐาน เช่น ความสามารถ สติปัญญา บุคลิกภาพ ในที่นี้ ขอยกตัวอย่างของคำ �ชมดังกล่าว คือ “ฉลาดในการแก้ปัญหาจริงๆ” “เธอ มีพรสวรรค์ในการคิดเลขเร็วมากๆ” “เธอเก่งคณิตศาสตร์จริงๆ” “ไม่มีใคร เก่งวิทยาศาสตร์เท่าเธอ” การให้ผลสะท้อนกลับในลักษณะการชมแบบนี้ อาจส่งผลร้ายต่อผู้เรียนในการพัฒนาการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ เพราะผู้เรียน จะหลีกเลี่ยงทำ �ในสิ่งที่ประเมินแล้วว่าตนเองอาจทำ �ไม่สำ �เร็จ หรือสิ่งที่ ตนเองไม่เคยทำ �มาก่อน หรือสิ่งที่ตนเองประเมินแล้วว่าทำ �ออกมาอาจไม่ดี พอที่จะได้รับการให้ผลสะท้อนกลับที่ดีแบบเดิม (Mueller and Dweck, 1998) สิ่งนี้ทำ �ให้ผู้เรียนขาดโอกาสการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่จะพัฒนาความรู้ ความสามารถของผู้เรียนให้มีมากขึ้นได้ ส่งผลให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองได้ ไม่เต็มศักยภาพที่มี หากผู้เรียนหลีกเลี่ยงการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นานๆ อาจ ส่งผลให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองได้น้อยกว่าศักยภาพที่ผู้เรียนควรจะมีได้ เมื่อเรารู้แล้วว่าการให้ผลสะท้อนกลับมีทั้งส่งผลดีและส่งผลไม่ดี แล้ว การให้ผลสะท้อนกลับที่ดีควรจะเป็นอย่างไร การให้ผลสะท้อนกลับที่ดี การให้ผลสะท้อนกลับที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองไปสู่เป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ได้ ซึ่งลักษณะ ควรเป็นดังต่อไปนี้ 1) ส่งผลให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ ควรให้ผลสะท้อนกลับใน เวลาที่เหมาะสม รายละเอียดชัดเจน ตรงประเด็นตามเป้าหมายที่ต้องการ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ มีจำ �นวนครั้งที่เพียงพอ มุ่งที่การกระทำ � (Performance) มากกว่าลักษณะ (Characteristics) ไม่นำ �ผลไปเปรียบเทียบ ไม่สร้าง บรรยากาศทำ �ให้ผู้เรียนรู้สึกผิด ถูกทำ �โทษหรืออับอายเมื่อทำ �ผิดพลาด และสามารถชี้จุดให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองได้ นอกจากนี้ จะต้องมีการเผื่อเวลา ไว้มากพอสำ �หรับให้ผู้เรียนได้ใช้ผลสะท้อนกลับนั้นเป็นข้อมูลในการพัฒนา การเรียนรู้ของตนเอง รวมทั้งเมื่อให้ผลสะท้อนกลับไปแล้วควรมีการ ทำ �ความเข้าใจกับผู้เรียนให้ตรงกันอีกครั้งว่าควรปฏิบัติอะไรบ้าง (มูลนิธิ ยุวสถิรคุณ. 2559; 36 - 37) 2) สนับสนุนและให้กำ �ลังใจ อาจเป็นการให้ผลสะท้อนกลับใน ลักษณะของคำ �ชม (Praise) ที่เจาะจงให้นักเรียนเห็นว่าสิ่งใดที่นักเรียน ได้กระทำ �แล้วส่งผลให้นักเรียนมีผลการเรียนรู้เป็นที่น่าพึงพอใจ สำ �หรับ นักเรียนที่มีผลการเรียนที่ยังไม่น่าพึงพอใจ การแสดงข้อเสนอแนะจะอยู่ ในรูปของคำ �วิจารณ์ (Critique) ที่เจาะจงให้นักเรียนเห็นว่านักเรียน สามารถปรับปรุงและแก้ไขสิ่งใดที่จะส่งผลให้ผลการเรียนเป็นที่น่าพึงพอใจ ในอนาคตเพื่อสนับสนุนและให้กำ �ลังใจ โดยเน้นที่กระบวนการได้มาซึ่ง ผลลัพธ์มากกว่าผลลัพธ์ที่เป็นเกรดหรือคะแนน 3) ยุติธรรม เป็นการให้ผลสะท้อนกลับที่ยุติธรรมไม่ลำ �เอียง ไม่ใส่ ความรู้สึกส่วนตัว (Gibbs & Simpson. 2004; Dweck. 2006; Lizzio & Wilson. 2008) ในการพิจารณาการให้ผลสะท้อนกลับที่ดี Black และ William (1998) ได้นำ �เสนอตารางสำ �หรับการพิจารณาดังต่อไปนี้ คุณภาพของ การให้ผล สะท้อนกลับ ยากต่อการนำ �ไปปฏิบัติ แต่เป็นผลสะท้อนกลับ ที่พอดี ยากต่อการนำ �ไปปฏิบัติ และเป็นผลสะท้อนกลับ ที่น้อยเกินไป ไม่เพียงพอ ระดับความง่ายต่อการนำ �ไปพัฒนาของผู้เรียน ง่ายต่อการนำ �ไปปฏิบัติ แต่เป็นผลสะท้อนกลับ ที่ดี ง่ายต่อการนำ �ไปปฏิบัติ แต่เป็นผลสะท้อนกลับที่ น้อยเกินไป ไม่เพียงพอ

RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5