นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 247
6 นิตยสาร สสวท. รู ปแบบการจัดการเรียนรู้มีส่วนสำ �คัญที่จะช่วยส่งเสริมและพัฒนา การอ่านของผู้เรียน รูปแบบการจัดการเรียนรู้หนึ่งที่สามารถส่งเสริม และพัฒนาการอ่านได้คือ การอ่านเชิงรุก (Active Reading) หรือการอ่านแบบมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นการอ่านอย่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อ ทำ �ความเข้าใจความหมาย คำ �นิยาม ข้อชี้บ่งต่างๆ แปลความหมาย ตลอดจนระบุใจความสำ �คัญ เปรียบเทียบหาข้อแตกต่าง วิเคราะห์เหตุ และผล จัดลำ �ดับก่อนหลัง หาข้อสรุป และย่อความเรื่องที่อ่านได้ (สมศรี ตั้งมงคลเลิศ, 2553) อีกทั้งในงานวิจัยที่มีจัดการเรียนรู้ผ่านการอ่านเชิงรุก ภาพ 1 ขั้นตอนการอ่านเชิงรุกแบบ SQ3R เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านในวิชาอื่นๆ พบว่า การใช้วิธีอ่าน เชิงรุกทำ �ให้ผู้เรียนมีคะแนนเฉลี่ยของความสามารถในการอ่านเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำ �คัญ (วันเพ็ญ วัฒฐานะ และคณะ, 2557; ศักดา เปลี่ยนเดชา และคณะ, 2561; พรประภา ชัยนา และลัดดา หวังกาษิต, 2564) รูปแบบการอ่านเชิงรุกมีหลายแนวทาง แนวทางหนึ่งที่น่าสนใจ คือ SQ3R (สมศรี ตั้งมงคลเลิศ, 2553; Virginia Polytechnic Institute and State University, 2024) ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอน ดังภาพ 1 การอ่านเชิงรุกนอกจากจะช่วยพัฒนาทักษะการอ่านแล้ว ยังกระตุ้น การสำ �รวจ (survey/scan) เป็นการอ่านคร่าวๆ เพื่อสำ �รวจหัวข้อ ข้อความว่าเกี่ยวกับอะไร มีรูปภาพ แผนภาพ กราฟหรือไม่ แล้วอ่านเรื่องทั้งหมดคร่าวๆ อีกครั้งเพื่อตรวจดู แนวคิดของเนื้อหาภาพรวม การตั้งคำ �ถาม (question) เป็นการลองตั้งคำ �ถามที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่อ่าน เช่น ประเด็นสำ �คัญของเรื่อง คืออะไร การอ่านอย่างละเอียด (read) เป็นการอ่านเนื้อหาอย่างละเอียดเพื่อจับใจความสำ �คัญและตอบคำ �ถามที่ ตั้งไว้ โดยขณะอ่านให้คิด วิเคราะห์ รวมทั้งขีดเส้นใต้หรือวงกลมข้อความ สำ �คัญๆ ไว้ การตรวจสอบความเข้าใจ เนื้อหาที่อ่าน (recite) เป็ นการทบทวนคำ �ถามและตอบคำ �ถามจากความจำ �หรือความเข้าใจตนเอง หากตอบไม่ได้ให้กลับไปดูอีกครั้ง และพยายามจดจำ �หรือบันทึกสิ่งที่ได้ ออกมา อาจสื่อออกมาเป็นภาพหรือแผนภาพเพื่อให้เข้าใจง่าย การสรุป (review) เป็นการทบทวนสิ่งที่อ่านไปแล้ว โดยการสรุปสิ่งที่อ่านได้ทั้งหมดด้วยคำ �พูด ของตนเอง เพื่อดูว่าเข้าใจเนื้อหานั้นหรือไม่ ให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดขั้นสูงด้วยการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และ ประเมินค่า เน้นการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนที่ผู้เรียนต้องมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน และมีส่วนร่วมในการสร้างองค์ความรู้ (สำ �นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2562; Reed, 2016) โดยการอ่านเชิงรุกสามารถนำ �มาใช้ในการเรียนการสอน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ได้เพราะในการเรียนวิทยาศาสตร์จะเน้นให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างคำ �อธิบาย ด้วยตนเอง ทั้งการทำ �การทดลอง การสำ �รวจ รวมทั้งการสืบค้นข้อมูล จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งในการสืบค้นข้อมูลผู้เรียนต้องอ่าน ข้อมูลจำ �นวนมาก และต้องใช้ความสามารถในการจับใจความสำ �คัญของ เนื้อหาเพื่อจะได้นำ �ไปสู่การสรุปความรู้ต่างๆ ได้ บทความนี้จะขอยกตัวอย่างกิจกรรมวิชาวิทยาศาสตร์ของ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เกี่ยวกับสารอาหารและการรับประทานอาหาร ตามตัวชี้วัด ว1.2 ป.6/1-3 ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (สำ �นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวง ศึกษาธิการ, 2560) โดยผู้เรียนจะได้สำ �รวจการรับประทานอาหารของตนเอง ในแต่ละวัน และอ่านข้อมูลเกี่ยวกับประเภทและประโยชน์ของสารอาหาร พลังงาน และแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย และปลอดภัยต่อสุขภาพ จากใบความรู้ จำ �นวน 4 หน้า ซึ่งประกอบด้วยข้อความ รูปภาพ ตาราง ดังภาพ 2 แล้ว นำ �ข้อมูลที่ได้มาใช้วิเคราะห์การรับประทานอาหารของตนเอง โดยการระบุ สารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารที่ ตนเองรับประทาน รวมทั้งบอกแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารให้ได้ สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย และปลอดภัย ต่อสุขภาพ
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5