นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 249
38 นิตยสาร สสวท. สำ �คัญในหลากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างมี นัยสำ �คัญ เทคโนโลยี AI เช่น Deep Learning และ Natural Language Processing ช่วยให้ AI สามารถทำ �งานที่ซับซ้อนได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การสร้างสรรค์เนื้อหา และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ (World Economic Forum, 2020) ผลที่ตามมาคือ การทำ �งานอัตโนมัติ ของ AI จะสามารถขยายขอบเขตไปสู่งานที่เคยต้องอาศัยทักษะเฉพาะ ของมนุษย์ได้มากขึ้น แม้ว่า AI จะนำ �มาซึ่งโอกาสในการเพิ่มผลผลิตและสร้าง นวัตกรรมใหม่ๆ แต่ก็ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการว่างงาน งานวิจัย ของ McKinsey Global Institute (2023) ชี้ให้เห็นว่า งานจำ �นวนมาก อาจถูก AI ทำ �ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบงานบางส่วน โดยเฉพาะใน อุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานจำ �นวนมาก เช่น การผลิตและการบริการ ลูกค้า อย่างไรก็ตาม AI ยังสร้างโอกาสในการเกิดงานใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการพัฒนา AI การดูแลระบบ AI และการใช้ AI เข้ามาช่วยในการ วิเคราะห์ข้อมูล (World Economic Forum, 2020; McKinsey Global Institute, 2023) ในบริบทของประเทศไทย ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องพึ่งพา แรงงานจำ �นวนมาก เช่น การเกษตร การผลิต การค้าปลีก และการ บริการกำ �ลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการนำ � AI มาใช้ แม้ว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน แต่ก็อาจนำ �ไปสู่การลด จำ �นวนแรงงานในบางกระบวนการ (World Economic Forum, 2020) เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ประเทศไทยจำ �เป็นต้องพัฒนาทักษะ แรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในยุคดิจิทัล โดย เน้นการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ทักษะการคิด ระดับสูง และทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต ข้อจำ �กัดของการสอนแบบดั้งเดิม วิธีการสอนแบบดั้งเดิมในประเทศไทยมักเน้นการท่องจำ � การเรียนรู้แบบรับข้อมูล และการเรียนการสอนที่ครูเป็นศูนย์กลาง แนวทางการสอนนี้เป็นลักษณะเด่นของระบบการศึกษาไทยมานานดังที่เห็น ได้จากการศึกษาในงานวิจัยหลายฉบับที่เน้นให้เห็นถึงผลกระทบของวิธี การสอนแบบนี้ เช่น การศึกษาของ Casta et al. (2021) ที่ได้กล่าวถึง บริบททางประวัติศาสตร์ของการศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศไทย โดยระบุว่า วิธีการแบบดั้งเดิมมักเน้นการท่องจำ �มากกว่าการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) และการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการเรียนรู้ นอกจากนี้ Suwanphithak (2023) ยังรายงานว่าวิธีการสอนแบบบรรยาย นำ �ไปสู่การเรียนรู้ที่ไม่กระตือรือร้นและการได้รับความรู้ที่จำ �กัดในหมู่นักเรียน ซึ่งเป็นข้อเสียของวิธีการเรียนรู้แบบท่องจำ � และที่ผ่านมาพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กำ �หนดเป้าหมายในการปฏิรูป ระบบการศึกษาไทยโดยการกระจายอำ �นาจและส่งเสริมสภาพแวดล้อม การเรียนรู้แบบเชิงรุก แต่ผลกระทบของวิธีการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม ยังคงมีอิทธิพลต่อการปฏิบัติในชั้นเรียนในยุคปัจจุบัน (Casta etal., 2021) ทำ �ให้มองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการศึกษาที่คาดหวังไว้ Hallinger & Kantamara (2000) เน้นย้ำ �ถึงปัจจัยทางวัฒนธรรมที่ เป็นตัวกำ �หนดการเป็นผู้นำ �การเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา และการปฏิบัติ ทางการศึกษาในประเทศไทย โดยชี้ให้เห็นว่า “วิธีการสอนหรือการปฏิบัติ แบบดั้งเดิมที่เคยทำ �กันมา” มักจะเป็นตัวขัดขวางการนำ �กลยุทธ์หรือวิธี การสอนที่ก้าวหน้ามากขึ้นมาใช้ ความเฉื่อยทางวัฒนธรรมนี้สะท้อนให้เห็น สภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลงของห้องเรียนที่ครูยังคงเป็นผู้มีอำ �นาจเหนือกว่า และการมีส่วนร่วมของนักเรียนมีน้อย ทำ �ให้เกิดวงจรการเรียนรู้แบบ รับข้อมูลอย่างต่อเนื่อง (Casta et al., 2021; Hallinger & Kantamara, 2000) ผลกระทบของวิธีการแบบดั้งเดิมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อ ผลการเรียนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการมีส่วนร่วมและแรงจูงใจโดยรวมของ นักเรียน การวิจัยชี้ให้เห็นว่าการท่องจำ �สามารถนำ �ไปสู่การเรียนรู้ที่ผิวเผิน โดยนักเรียนอาจจำ �ข้อมูลได้โดยไม่เข้าใจการประยุกต์ใช้หรือความเกี่ยวข้อง สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งในวิชาที่ต้องใช้ทักษะการคิดอย่างมี วิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา ซึ่งมักถูกละเลยเพื่อไปสนับสนุน ให้มีการใช้เทคนิคในการท่องจำ �เพื่อการเรียนรู้ (Lujan & DiCarlo, 2006) ดังนั้น แม้ว่าวิธีการสอนแบบดั้งเดิมจะเป็นรากฐานของการศึกษาไทย แต่ข้อจำ �กัดของวิธีการเหล่านี้จำ �เป็นต้องมีการปรับหรือทำ �ให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงไปสู่แนวทางที่เน้นการมีส่วนร่วมและนักเรียนเป็นศูนย์กลาง มากขึ้นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เชิงลึกและการมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ ของนักเรียน ข้อจำ �กัดหลักประการหนึ่งของการสอนแบบดั้งเดิมก็คือ การให้ ความสำ �คัญกับการจดจำ �เนื้อหามากกว่าการพัฒนาการคิดอย่างมี วิจารณญาณและทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving Skills) แนวทาง การสอนนี้มักนำ �ให้นักเรียนต้องท่องจำ �ข้อเท็จจริงและตัวเลขโดยไม่เข้าใจ แนวคิดพื้นฐานหรือการประยุกต์ใช้ข้อมูลเหล่านั้นอย่างเต็มที่ และมักจะหัน ไปใช้เทคนิคในการท่องจำ �เป็นกลยุทธ์หลักเพื่อทำ �ให้ได้เกรดดี ซึ่งในที่สุด วิธีการนี้ก็จะขัดขวางการพัฒนาทักษะและความสามารถในการคิดอย่างมี วิจารณญาณและการวิเคราะห์ของตัวผู้เรียน นอกจากนี้ การพึ่งพาแต่การ ท่องจำ �ก็ยังส่งผลทำ �ให้ความคิดสร้างสรรค์และความอยากรู้อยากเห็นของ นักเรียนลดลงด้วย เนื่องจากนักเรียนไม่ได้รับการสนับสนุนให้เกิดการเรียน ภาพจาก: https://www.kenan-asia.org/blog/education/active-learning-to-enhance-the- learning-performance-of-thai-students/
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5