นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 249
8 นิตยสาร สสวท. บัณฑิต พสวท. ที่มีผลงานการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย ชั้นแนวหน้า 1,465 คน จำ �นวน 11,365 ผลงาน ได้แก่ กลุ่มวิจัยที่มุ่งเน้น เกี่ยวกับวัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ดีกว่าวัสดุพื้นฐาน หรือทำ �ให้วัสดุมีหน้าที่ พิเศษตามความต้องการและควบคุมได้ กลุ่มวิจัยที่มุ่งเน้นการนำ �หลักการ ของควอนตัมฟิสิกส์มาประยุกต์ใช้ในการวัด (มาตรวิทยา) การคำ �นวณ การประมวลผล การเข้ารหัส การส่งผ่านและเก็บข้อมูลให้มีประสิทธิภาพและ ศักยภาพสูงกว่าวิธีการดั้งเดิม กลุ่มวิจัยที่มุ่งเน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยี อวกาศสู่ภาคเอกชนสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศในเชิงพาณิชย์ได้ กลุ่มวิจัยที่มุ่งเน้นการนำ �หลักการของควอนตัมฟิสิกส์มาประยุกต์ใช้ในการวัด (มาตรวิทยา) การคำ �นวณ การประมวลผล การเข้ารหัส การส่งผ่านและ เก็บข้อมูลให้มีประสิทธิภาพและศักยภาพสูงกว่าวิธีการดั้งเดิม และกลุ่มวิจัย ที่มุ่งศึกษาธรรมชาติของสสารที่ถูกเร่งความเร็วด้วยเครื่องเร่งอนุภาคจนมี พลังงานจลน์สูงกว่าอนุภาคที่พบได้ในชีวิตประจำ �วันในระดับล้านล้านเท่า รวมถึงศึกษาวิจัยพฤติกรรมและปฏิสัมพันธ์ของสสารที่ระดับพลังงานสูง ก่อให้เกิดความรู้ใหม่ทั้งในแง่ของวิศวกรรมขั้นสูง เทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ตลอดจนเครื่องวินิจฉัยทาง การแพทย์ บัณฑิต พสวท. ที่มีผลงานการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชา คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์พื้นฐานจำ �นวน 847 คน จำ �นวน 3,068 ผลงาน นอกจากนี้ บัณฑิต พสวท. ได้มีส่วนร่วมในกลุ่มวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พื้นฐานแนวหน้าระดับโลกเพื่อร่วมค้นคว้าความรู้ เพื่อประโยชน์สุขของ มนุษยชาติ ตัวอย่างเช่น LIGO Scientific Collaboration (LSC) LIGO Scientific Collaboration: LSC เป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์กว่า 1,000 คน จากทั่วโลก มุ่งเน้นการตรวจจับและศึกษาคลื่นความโน้มถ่วง ซึ่งเป็นร่องรอยใน โครงสร้างของกาลอวกาศที่ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ทำ �นายไว้ โดยการ ตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วงด้วยเลเซอร์อินเตอร์เฟอโรมิเตอร์ ความสำ �เร็จ ในปี 2015 LIGO ประสบความสำ �เร็จครั้งสำ �คัญในการตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วง เป็นครั้งแรกจากการชนกันของหลุมดำ �สองหลุม การค้นพบนี้ได้เปิดศักราชใหม่ของ ดาราศาสตร์คลื่นความโน้มถ่วง CMS collaboration CMS (Compact Muon Solenoid) เป็นกลุ่มนักฟิสิกส์ระดับโลกกว่า 4,000 คน ซึ่ง เป็นหนึ่งในความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อที่จะสำ �รวจ อนุภาคพื้นฐานและแรงต่างๆ ที่ควบคุมเอกภพ โดย Compact Muon Solenoid Detector อยู่ที่เครื่องเร่งอนุภาคแฮดรอนขนาดใหญ่ (Large Hadron Collider: LHC) ภายในองค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป (CERN) โดย LHC จะยิงอนุภาคชนกัน ด้วยพลังงานมหาศาล เพื่อจำ �ลองสภาวะที่คล้ายกับบิ๊กแบง เศษซากจากการชนกัน เหล่านี้จะถูกเครื่องตรวจจับ CMS บันทึกไว้ ทำ �ให้นักวิทยาศาสตร์สามารถวิเคราะห์ ธรรมชาติของอนุภาคพื้นฐานและแรงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ความสำ �เร็จ ในปี 2015 ทาง CMS ได้ค้นพบ Higgs Boson หรือที่เรียกกันว่า “God Particle” มีบทบาทสำ �คัญในแบบจำ �ลองมาตรฐานของฟิสิกส์อนุภาค Fermi Large Area Telescope Collaboration: FERMI-LAT ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ Fermi Large Area Telescope Collaboration: FERMI-LAT เป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่มุ่งศึกษาเอกภพผ่านรังสีแกมม่า ซึ่งเป็น รูปแบบของแสงที่มีพลังงานสูงที่สุด เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศที่มี นักวิทยาศาสตร์จากกว่า 40 ประเทศ โดยใช้ Large Area Telescope ที่ติดตั้ง บนยานอวกาศ Fermi Gamma-ray Space Telescope ซึ่งปล่อยสู่อวกาศในปี 2008 เพื่อตรวจจับรังสีแกมม่าจากแหล่งกำ �เนิดบนท้องฟ้ามากมาย ช่วยให้เราเข้าใจ กระบวนการที่สุดโต่งที่สุดในเอกภพ ความสำ �เร็จ FERMI-LAT ปฏิวัติความเข้าใจของเราเกี่ยวกับท้องฟ้ารังสีแกมม่า และค้นพบแหล่ง กำ �เนิดรังสีแกมม่าหลายพันแห่ง รวมถึงดาวพัลซาร์ ดาวนิวตรอน หลุมดำ � และ กาแล็กซีอันไกลโพ้น
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5