นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 252
ปีที่ 53 ฉบับที่ 252 มกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 15 ปีที่ 53 ฉบับที่ 251 พฤศจิกายน - ธันวาคม 7 สี ย้อมเกิดขึ้นจากการที่แสงซึ่งมีความยาวคลื่นต่างๆ ตกกระทบกับสารเคมีในวัตถุ สารเคมีจะดูดซับแสงในช่วงความยาวคลื่น ที่แตกต่างกันไปตามชนิดของสาร และสะท้อนแสงออกมาเป็นสีที่เรามองเห็น การจำ �แนกสีย้อมแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ตามแหล่งที่มา ได้แก่ สีสังเคราะห์หรือสีเคมี และสีจากธรรมชาติ ภาพ 1 เส้นไหมที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติ สีสังเคราะห์หรือสีเคมี (Synthetic Colors or Chemistry Colors) เป็นสีที่ได้จากการที่นักวิทยาศาสตร์นำ �เอาสารเคมีต่างๆ มาทำ �ปฏิกิริยากันหรือเกิดจากการสังเคราะห์ขึ้นในห้องปฏิบัติการ สีเคมีหรือสีสังเคราะห์เป็นสีที่มีเนื้อสีอยู่ในปริมาณที่เข้มข้นมาก ทำ �ให้ได้สีที่เข้มเมื่อนำ �ไปใช้ย้อมและสามารถใช้ในปริมาณที่น้อยๆ ได้ ทำ �ให้สะดวกในการใช้งาน สีสังเคราะห์อาจมีสารเคมีที่ป้องกัน การตกสีผสมอยู่ด้วย การใช้สีสังเคราะห์จึงอาจมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ส่วนสีจากธรรมชาติ (Natural Colors) นั้น เป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมมากกว่าสีสังเคราะห์เพราะเป็นสีที่ได้จากแหล่งธรรมชาติ ได้แก่ พืช สัตว์ และแร่ธาตุ สีชนิดนี้เกิดขึ้นมาโดยกระบวนการตามธรรมชาติ เมื่อนำ �ไปใช้ย้อมจึงไม่มีสารเคมีเจือปนในธรรมชาติหรือถ้ามีก็ตกค้างน้อยกว่า ข้อด้อย ของสีย้อมธรรมชาติ เช่น ปริมาณของสีในวัสดุให้สีมีน้อย ส่งผลให้ย้อมสีได้ไม่เข้มเมื่อย้อมสิ่งทอไปแล้วสีซีดง่าย โดยเฉพาะเมื่อโดนแสง หรือเมื่อนำ �ไปซักบ่อยๆ การย้อมซ้ำ �ให้เป็นสีเดิมทำ �ได้ยากและในกรณีที่พืชให้สีจากธรรมชาติหมดไปทำ �ให้ขาดแคลนวัสดุให้สี (อรนุช นาคชาติ และคณะ, 2565) การย้อมสีธรรมชาติในสิ่งทอมีกำ �ลังการผลิตน้อยเมื่อเทียบกับสีสังเคราะห์ เนื่องจากมีความยุ่งยากในกระบวนย้อมแต่ปัจจุบัน กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง สีธรรมชาติสามารถจำ �แนกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ สีจากแร่ธาตุ (Mineral Dyes) เป็นสีอนินทรีย์ที่ได้จาก โคลนและดินแดง สีจากสัตว์ (Animal Dyes) เช่น ครั่งและโคชินีลที่ได้จากแมลง สีจากพืช (Vegetable Dyes) เป็นสีอินทรีย์ที่ได้จาก ส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ราก เปลือก แก่นไม้ ใบ ดอก และผล การใช้สีจากแหล่งธรรมชาติเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำ �ให้ผลิตภัณฑ์ มีความสวยงาม แต่ยังช่วยให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์การย้อมสีอีกด้วย ในประเทศไทยแหล่งสีธรรมชาติที่ได้รับความนิยม มากที่สุดคือ สีที่ได้จากส่วนต่างๆ ของพืชและสีจากสัตว์ เช่น ครั่ง (Lac) โดยที่ครั่งคือ ยางธรรมชาติที่ได้จากสารคัดหลั่งของ แมลงครั่ง หรือแมลง Laccifera Lacca Kerr. ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สีย้อมธรรมชาติเหล่านี้ได้ถูกบันทึกและส่งต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านเอกสารและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ รวมทั้งถ่ายทอดด้วยปากเปล่าสืบมาจนถึงปัจจุบัน ทำ �ให้สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการย้อมสี ในประวัติศาสตร์ได้อย่างลึกซึ้ง การย้อมด้วยสีจากธรรมชาติ มี 2 วิธี ได้แก่ วิธีการย้อมร้อน เป็นการย้อมที่อุณหภูมิประมาณ 70 - 85 องศาเซลเซียส ใช้ความร้อนที่ เกิดจากการต้มในการสกัดสีจากวัตถุดิบธรรมชาติในขั้นตอนการย้อมเส้นไหม และ วิธีการย้อมเย็น เป็นการย้อมที่อุณหภูมิปกติ หรือในน้ำ �ย้อมอุ่นๆ เป็น สีสูตรเฉพาะที่มีส่วนผสมของสีหลายชนิด เรียกว่า Multi Dye จึงย้อมผ้า และวัสดุได้หลายชนิด ใช้ย้อมเส้นใยธรรมชาติและวัสดุจากธรรมชาติ ให้สี ติดคงทน สีไม่ตก กรรมวิธีการย้อมเย็นคือ การนำ �เอาวัตถุดิบธรรมชาติ ที่ให้สีมาสกัดสีโดยวิธีการหมักและใช้แสงแดดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการย้อม เส้นไหมให้ติดสี เช่น การย้อมด้วยครามฮ่อม มะเกลือ ภาพ 2 การย้อมไหมด้วยคราม
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5