นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 253

38 นิตยสาร สสวท. ธ ารน้ำ �แข็งมีความสำ �คัญต่อระบบนิเวศของโลก โดยเป็นแหล่งน้ำ �จืดที่สำ �คัญและจำ �เป็นต่อการดำ �รงชีวิตของสิ่งมีชีวิต ธารน้ำ �แข็งและ หิมะมีความสำ �คัญอย่างยิ่ง เป็นแหล่งทรัพยากรน้ำ �ที่สำ �คัญของวัฏจักรน้ำ � (Water Cycle) โดยเปรียบได้ว่าเป็น “หอคอยน้ำ � (Water Tower) น้ำ �ที่ละลายจากธารน้ำ �แข็งเป็นแหล่งน้ำ �สำ �คัญสำ �หรับการอุปโภคและบริโภค การเกษตร อุตสาหกรรม การผลิตพลังงาน สะอาด และระบบนิเวศ อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยควบคุมระดับน้ำ �ทะเลทั่วโลก ปัจจุบันมีประชากรมากกว่า 2 พันล้านคนในหลายพื้นที่พึ่งพา น้ำ �ที่ละลายจากธารน้ำ �แข็งเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค เช่น อินเดีย ปากีสถาน จีน เปรู และจากการคาดการณ์ยังพบว่าธารน้ำ �แข็ง 1 ใน 3 อาจหายไปภายในปี ค.ศ. 2050 น้ำ �จืดเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่จำ �เป็นต่อการดำ �รงชีวิตของมนุษย์ สัตว์ และพืช น้ำ �จืดมีเพียงร้อยละ 2.5 ของน้ำ �บนโลก และแหล่งน้ำ �จืดขนาดใหญ่ของโลก คือ ธารน้ำ �แข็ง สำ �นักงานสำ �รวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกา (U.S. Geological Survey (USGS)) ระบุว่า น้ำ �จืดบนโลกอยู่ในรูปของธารน้ำ �แข็งมากกว่า 68% ธารน้ำ �แข็ง (Glaciers) คือหิมะที่ตกลงมาสะสม อัดกันแน่นและแข็งตัวเป็นมวลน้ำ �แข็งขนาดใหญ่ซึ่งมีปริมาณมากกว่าน้ำ �แข็งที่ละลายเป็นแม่น้ำ � มวลน้ำ �แข็งที่สะสมตัว กันไว้มากจะไหลลงเนินในพื้นที่ต่ำ �อย่างช้าๆ ด้วยน้ำ �หนักของมันเอง ธารน้ำ �แข็งมีประมาณ 275,000 แห่งทั่วโลก มีพื้นที่กว่า 700,000 ตารางกิโลเมตร ธารน้ำ �แข็งจะพบได้ในแถบเทือกเขาสูงของทุกทวีป ธารน้ำ �แข็งที่รู้จักกันดี เช่น ธารน้ำ �แข็งในเทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาแอลป์ และเทือกเขาแอนดีส ธารน้ำ �แข็งที่ปกคลุมพื้นที่บริเวณกว้างแถบขั้วโลก เรียก “ธารน้ำ �แข็งพื้นทวีป (Continental Glacier)” ปัจจุบันพบปกคลุมอยู่แถบขั้วโลก 2 แห่ง คือ เกาะกรีนแลนด์และ ทวีปแอนตาร์กติก การละลายของธารน้ำ �แข็งจะได้น้ำ �จืดกลายเป็นแหล่งน้ำ �สำ �คัญของหลายภูมิภาคทั่วโลก ภาพ 1 ธารน้ำ �แข็ง Grinnell ในอุทยานแห่งชาติกลาเซียร์ (Glacier National Park) รัฐมอนทานา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 2005 ที่มา: สำ �นักงานสำ �รวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกา (USGS) การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่เกิดขึ้นใน ปัจจุบันทำ �ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่าง ต่อเนื่องส่งผลให้ธารน้ำ �แข็งละลายเร็วขึ้นในอัตราที่ น่าตกใจ และบางแห่งก็หายไปอย่างถาวร นอกจากนี้ อาจ ส่งผลกระทบที่ตามมาอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำ �ทะเล สูงขึ้น ภาวะขาดแคลนน้ำ � และเพิ่มโอกาสในการเกิด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำ �ท่วม ดินถล่ม นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อการดำ �รงชีวิตของมนุษย์ เศรษฐกิจ และชุมชน การขาดแคลนน้ำ �ยังส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมที่ ต้องใช้น้ำ �ในการเพาะปลูก ภาคอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำ �ใน กระบวนการผลิต และระบบนิเวศต่างๆ อาจเกิดการ ขาดแคลนน้ำ �ในอนาคต บทความของสำ �นักงานสำ �รวจธรณีวิทยา สหรัฐอเมริกา (USGS) กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 1900 ธารน้ำ �แข็ง Grinnell ในอุทยานแห่งชาติกลาเซียร์ (Glacier National Park) รัฐมอนทานา ประเทศสหรัฐอเมริกา กำ �ลังหดตัวอย่างรวดเร็วสังเกตได้จากตัวเลขปี ค.ศ. 1850 1937 1968 1981 และ 2005 ที่แสดงให้เห็นถึงขอบเขต ของธารน้ำ �แข็ง การติดตามธารน้ำ �แข็งภูเขา (Mountain Glacier) เป็นตัวบอกการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศได้ เป็นอย่างดี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเกิดจากการเพิ่มขึ้น ของอุณหภูมิในช่วงยุคน้ำ �แข็งน้อย (Little Ice Ages) สิ้นสุดลงประมาณกลางศตวรรษที่ 19 และการปลดปล่อย แก๊สเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น

RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5