นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 254

60 | นิตยสาร สสวท. “สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่ การรู้เท่าทันสิ่งรอบตัว” ต่าย แสนซน ที่ไม่มีการทำ �เหมือง จะเห็นได้ว่าในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ ค่า Bioaccumulation Factor ของโลหะหนักส่วนใหญ่โดยเฉพาะแคดเมียม สารหนู และปรอทในพืชบางชนิดมีค่าสูงกว่าในพื้นที่ควบคุมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งบ่งชี้ว่าพืชเหล่านั้นมีการดูดซึมและสะสมโลหะหนักจากดินหรือน้ำ �ใน บริเวณที่มีการปนเปื้อนได้อย่างมีนัยสำ �คัญ เมื่อเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐาน ความปลอดภัย อย่างที่เราทราบกันว่า สำ �หรับสารหนู (Arsenic, As) ค่า มาตรฐานสำ �หรับน้ำ �ดื่มอยู่ที่ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร และสำ �หรับตะกั่ว (Lead, Pb) อยู่ที่ 0.05 มิลลิกรัมต่อลิตร แม้ว่าค่าเหล่านี้จะเป็นค่ามาตรฐาน ในน้ำ � แต่เมื่อพืชดูดซึมไปสะสมและเราบริโภคพืชนั้นๆ ก็ย่อมมีความเสี่ยง ที่จะได้รับสารเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่ง สอดคล้องกับรายงานที่ว่าบางแหล่งน้ำ �ในแม่น้ำ �กกเองก็พบปริมาณสารหนู สูงถึง 0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร (สูงกว่ามาตรฐาน 2.6 เท่า) และตะกั่วสูงถึง 0.076 มิลลิกรัมต่อลิตร (สูงกว่ามาตรฐาน 1.52 เท่า) นี่คือสัญญาณเตือน ที่สำ �คัญที่ต่ายคิดว่าเราไม่ควรมองข้าม แล้วผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง? คำ �ตอบก็คือ การที่คุณได้รับโลหะหนักเข้าสู่ร่างกายแม้ในปริมาณน้อยแต่ต่อเนื่อง มันก็ อาจนำ �ไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ เช่น: • แคดเมียม (Cd): อาจส่งผลต่อไต กระดูก และระบบทางเดิน หายใจ • สารหนู (As): มีความเป็นพิษสูง อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ปัญหาทางระบบประสาท และระบบทางเดินอาหาร • ตะกั่ว (Pb): มีผลกระทบต่อระบบประสาท ระบบเลือด และ พัฒนาการในเด็ก • ปรอท (Hg): ส่งผลเสียต่อระบบประสาทและไต แม้ว่างานวิจัยนี้จะศึกษาในประเทศกานาแต่หลักการของการ ปนเปื้อนและผลกระทบย่อมเป็นสากล และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ การทำ �เหมืองในพม่าและการไหลของแม่น้ำ �กกเข้ามาในประเทศไทยก็ปฏิเสธ ไม่ได้ว่าความเสี่ยงนี้มีอยู่จริงและใกล้ตัวเราทุกคนแบบยากที่จะเลี่ยงได้ เพราะ ต่ายมั่นใจว่า แม้ว่าคุณๆ จะอยู่กรุงเทพหรืออยู่จังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ผักที่ซื้อมารับประทานจะไม่ได้ถูกปลูกขึ้นสองฝั่ง ลำ �น้ำ �กก เนื่องจากประเทศไทยไม่มีระบบการติดตามอาหารที่เป็นพืชผัก ผลไม้ว่ามีต้นทางมาจากแหล่งปลูกใดในประเทศนั่นเอง อีกเรื่องหนึ่งที่ต่ายอยากจะเน้นย้ำ �ก็คือ ความแตกต่างของ ความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่และพืชผักแต่ละชนิด งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าระดับการ ปนเปื้อนในพืชผักจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระยะห่างจากแหล่งทำ �เหมือง ชนิดของดินและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ชนิดของพืชผัก บางชนิดอาจดูดซับ โลหะหนักได้ดีกว่าชนิดอื่นๆ เช่น ผักใบเขียวบางชนิด อาทิ ผักกาด มะเขือเทศ อาจมีแนวโน้มสะสมโลหะหนักได้มากกว่าพืชชนิดอื่น แล้วใน ฐานะประชาชน เราจะสามารถปกป้องตัวเองและครอบครัวได้อย่างไรบ้าง? 1. ติดตามข่าวสาร: จากหน่วยงานภาครัฐที่น่าเชื่อถือ เช่น กรม ควบคุมมลพิษ หรือกรมอนามัย เกี่ยวกับคุณภาพน้ำ �และพืชผักในพื้นที่เสี่ยง 2. เลือกซื้อผักอย่างระมัดระวัง: หากเป็นไปได้ ควรเลือกซื้อผัก จากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ หรือเป็นผักที่ปลูกในพื้นที่ที่มั่นใจว่าไม่มีความเสี่ยง จากการปนเปื้อน 3. ล้างผักให้สะอาด: แม้ว่าจะไม่สามารถกำ �จัดโลหะหนักที่ดูดซึม เข้าไปในเนื้อผักได้ แต่การล้างผักอย่างถูกวิธีจะช่วยลดสารเคมีตกค้างและ สิ่งสกปรกบนผิวผักได้ 4. บริโภคผักให้หลากหลาย: เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับ โลหะหนักชนิดใดชนิดหนึ่งในปริมาณมาก หากพืชชนิดใดมีการปนเปื้อน 5. ส่งเสริมการแก้ปัญหาจากต้นตอ: การตระหนักรู้และส่งเสียง ของเราอาจช่วยผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาการทำ �เหมืองที่ส่งผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจังมากขึ้น ในฐานะนักการศึกษา ครูสามารถ “บูรณาการความรู้เรื่องการ ปนเปื้อนโลหะหนักในอาหาร” เข้าสู่การเรียนการสอนได้ โดยเฉพาะวิชา วิทยาศาสตร์ สุขศึกษา หรือวิชาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ครูอาจจะใช้ กรณีศึกษาจากข่าวสารในปัจจุบันหรือนำ �ข้อมูลงานวิจัยแบบที่คุณส่งมา ให้ต่ายมาเล่าให้นักเรียนฟังเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำ �คัญของ สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของอาหาร สอนให้นักเรียนรู้จักแหล่งน้ำ � ใกล้บ้าน ชนิดของผักที่บริโภค และความสำ �คัญของการล้างผักให้สะอาด และที่สำ �คัญคือ เน้นย้ำ �ถึงบทบาทของทุกคนในการเป็นส่วนหนึ่งของการ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม สุดท้ายนี้ ต่ายอยากจะฝากถึงคุณทุกคนว่าแม้ปัญหาการ ปนเปื้อนโลหะหนักจากเหมืองทองขนาดเล็กจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้อง อาศัยความร่วมมือในหลายระดับ แต่การที่เรามีความรู้ความเข้าใจ ตระหนักถึงความเสี่ยงและรู้จักวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นจะช่วยลดผลกระทบ ที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพของเราและคนที่เรารักได้ และต่ายอยากจะย้ำ � อีกครั้งว่าแม้ว่าการปนเปื้อนนี้จะเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านแต่ผลกระทบ ก็สามารถส่งมาถึงเราได้โดยที่เราคาดไม่ถึง การตระหนักถึงความเสี่ยง การทำ �ความเข้าใจกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว และการเตรียมพร้อมรับมืออย่าง เหมาะสมเป็นสิ่งที่สำ �คัญอย่างยิ่งที่จะช่วยลดผลกระทบและความสูญเสีย ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ต่ายหวังว่าข้อมูลที่ต่ายนำ �มาเล่าให้คุณได้อ่าน ในฉบับนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้เข้าใจถึงเรื่องราวของการปนเปื้อน โลหะหนักในพืชผักที่มาจากกิจการเหมืองทองขนาดเล็ก หากมีประเด็นไหน ที่คุณสนใจเป็นพิเศษ หรืออยากให้ต่ายเจาะลึกในรายละเอียดเพิ่มเติม ก็ สามารถส่ง e-mail มาพูดคุยกันได้เสมอที่ funny_rabbit@live.co.uk

RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5