นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 255

6 | นิตยสาร สสวท. ค ำ �ถามเหล่านี้อาจเคยเกิดขึ้นในใจของครูวิทยาศาสตร์หลายคน เมื่อ ต้องเผชิญกับความท้าทายในการออกแบบการเรียนการสอนให้ เหมาะสมกับนักเรียนที่บกพร่องทางการมองเห็น โดยเฉพาะในวิชาฟิสิกส์ ที่ต้องอาศัยการสังเกต ทดลอง และวิเคราะห์ข้อมูลจากการมองเห็นเป็นหลัก คณะผู้เขียนได้มีโอกาสสังเกตห้องเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ สำ �หรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น ณ Special Needs Education School for the Visually Impaired มหาวิทยาลัยสึกูบะ ประเทศญี่ปุ่น การจัดการเรียนการสอนที่คณะผู้เขียนได้เยี่ยมชมนั้น ออกแบบให้เป็นไปตามหลักการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education) ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนในห้องเรียนมีส่วนร่วมในการใช้วิธีการ และเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การติดอักษรเบรลล์บนอุปกรณ์ทดลอง การใช้ เสียงสังเคราะห์เพื่อออกเสียง การใช้ตัวเลขแทนการใช้เครื่องมือวัดแบบปกติ และการบูรณาการอุปกรณ์ดิจิทัลเข้ากับการเรียนการสอน (Miyauchi, 2020) นอกจากกลยุทธ์ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้แล้ว ยังมีการปรับเปลี่ยน สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีความ บกพร่องทางการมองเห็น เช่น การลดแสงสะท้อนที่อาจรบกวนการรับรู้ ของนักเรียนที่มองเห็นเลือนราง หรือการจัดโต๊ะเรียนให้เอื้อต่อการเคลื่อนไหว และการเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ การออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสากล (Universal Design for Learning): แนวทางสู่การศึกษาวิทยาศาสตร์ที่เข้าถึงได้สำ �หรับทุกคน ประเทศที่ให้ความสำ �คัญกับการศึกษาแบบเรียนรวมได้มีการ พัฒนากลยุทธ์การสอนวิทยาศาสตร์สำ �หรับนักเรียนที่บกพร่องทางการ มองเห็นโดยอาศัยแนวคิดการออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสากล (Universal Design for Learning: UDL) ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างสื่อและกิจกรรมที่ สามารถเข้าถึงได้สำ �หรับทุกคน โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในภายหลัง (Miyauchi & Paul, 2020; Wilson, 2017) แนวคิดนี้ไม่เพียงช่วยให้ นักเรียนที่มีข้อจำ �กัดทางกายภาพสามารถเข้าถึงความรู้ได้เท่านั้น แต่ยัง ช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เป็นมิตรและเปิดกว้างสำ �หรับนักเรียน ทุกกลุ่มอีกด้วย ทั้งยังมุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น และตอบสนองต่อความหลากหลายของนักเรียนด้วยการกำ �จัดอุปสรรค ในการเรียนรู้และส่งเสริมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล (Fornauf & Erickson, 2020; Hanuscin & Van Garderen, 2020) CAST (2024) และ Hanuscin & Van Garderen (2020) ได้นำ �เสนอมุมมองการพิจารณาในการออกแบบบทเรียนตามแนวคิด การออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสากล ซึ่งครอบคลุม 3 หลักการ ได้แก่ วิธีการ ที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของนักเรียน (Engagement) วิธีการ ที่หลากหลายเพื่อการนำ �เสนอหรือแสดงตัวแทนความคิด (Representation) และวิธีการที่หลากหลายเพื่อการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมและความคิด (Action and Expression) ผู้เขียนจึงนำ �หลักการ 3 ข้อข้างต้นภายใต้ แนวคิด UDL มาเป็นกรอบในการถอดบทเรียนจากห้องเรียนวิทยาศาสตร์ สำ �หรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น ซึ่งช่วยสร้างสภาพแวดล้อม การเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนทุกคนในห้องเรียน ส่งเสริมความเท่าเทียมและการเข้าถึงการศึกษาอย่างแท้จริง การออกแบบ การเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ที่รองรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทาง การมองเห็นจึงมิใช่เพียงการปรับปรุงอุปกรณ์การสอน แต่เป็นการสร้าง แนวทางการเรียนรู้ที่ให้ความสำ �คัญกับความแตกต่างของนักเรียนเพื่อให้ ทุกคนสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้อย่าง เสมอภาค (Equity) เปิดมุมมองการจัดการเรียนรู้ผ่าน Special Needs Education School for the Visually Impaired Special Needs Education School for the Visually Impaired มหาวิทยาลัยสึกูบะ (Tsukuba University, 2025) ตั้งอยู่ใน กรุงโตเกียว เป็นสถานศึกษาที่มุ่งเน้นจัดการศึกษาให้แก่ผู้ที่มีความบกพร่อง ทางการมองเห็น ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงระดับอุดมศึกษา โรงเรียนได้ ออกแบบหลักสูตรให้ครอบคลุมและยืดหยุ่นโดยคำ �นึงถึงข้อจำ �กัดของ นักเรียนแต่ละคน การเรียนรู้ไม่ได้จำ �กัดอยู่แค่การฟังบรรยายหรืออ่านตำ �รา แต่เน้นไปที่การเรียนรู้ผ่านการออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสากล ซึ่งมีบทบาท สำ �คัญในการทำ �ให้นักเรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาวิทยาศาสตร์ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ดังปรากฏในการออกแบบวัสดุของสื่อที่ใช้ภายในหลักสูตร ได้แก่ 1) สื่อการสอนแบบสัมผัส มีการใช้แบบจำ �ลอง 3 มิติ ประกอบ อักษรเบรลล์ และอุปกรณ์ที่สามารถจับต้องได้ เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจ แนวคิดที่ซับซ้อน 2) การใช้เสียงและแรงสั่นสะเทือน แทนที่จะแสดงข้อมูล ด้วยกราฟหรือตัวเลขบนหน้าจอ โรงเรียนใช้เสียงที่สังเคราะห์ขึ้นและ การสั่นสะเทือนของอุปกรณ์เพื่อสื่อสารข้อมูล เช่น เสียงอ่านค่าระดับ ความต่างศักย์ไฟฟ้า การเคาะ การสั่น หรืออุณหภูมิแทน 3) เทคโนโลยี ช่วยสอน มีการนำ �อุปกรณ์ดิจิทัลมาใช้ เช่น โปรแกรมอ่านหน้าจอและ แอปพลิเคชันที่ออกแบบสำ �หรับผู้ที่มีความบกพร่องทางสายตา และ 4) การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ของ โรงเรียนติดสัญลักษณ์อักษรเบรลล์บนอุปกรณ์ทุกชิ้น และมีระบบจัดระเบียบ อุปกรณ์ให้เข้าถึงได้ง่าย ตัวอย่างบทเรียนวิชาฟิสิกส์ชั้นมัธยมศึกษาที่ “สัมผัสและรับรู้ผ่านเสียงได้” ดังกิจกรรมต่อไปนี้ กิจกรรมคาบเรียนที่ 1 พลังงานแสงอาทิตย์ที่สัมผัสและรับรู้ผ่านเสียงได้ เสียงของครูดังขึ้นในห้องเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น เพียง 6 คน ครูเริ่มคาบเรียนด้วยคำ �ถามว่า “ถ้า ดวงอาทิตย์หายไป พลังงานไฟฟ้าจะยังมีอยู่หรือไม่” เสียงกระซิบกระซาบ ดังขึ้นพร้อมกับมือที่ยกขึ้นอย่างกระตือรือร้น บางคนที่มีสายตาเลือนราง พยายามจินตนาการถึงคำ �ถาม ขณะที่บางคนที่อยู่ในโลกที่มืดมิดกำ �ลัง รอฟังคำ �อธิบาย จากนั้น ครูนำ �ลูกโลกจำ �ลองมาวางบนโต๊ะเรียน นักเรียน ผลัดกันใช้มือลูบไล้พื้นผิวของลูกโลก พร้อมกันนั้นครูใช้แหล่งกำ �เนิดแสง จำ �ลองให้เป็นดวงอาทิตย์เคลื่อนรอบๆ เพื่อให้พวกเขาสัมผัสและเข้าใจว่า ทำ �ไมบางพื้นที่บนโลกได้รับแสงหรือพลังงานมากกว่าพื้นที่อื่น ต่อมา ครูวางแผ่นเซลล์สุริยะ (Solar Cell) ขนาดเล็กบนโต๊ะ และ ให้นักเรียนใช้มือสัมผัสพื้นผิวที่แตกต่างกันของแผง นักเรียนบางคนใช้ แว่นขยายพิเศษที่ช่วยให้พวกเขาเห็นพื้นผิวของเซลล์สุริยะในรายละเอียดที่ ชัดเจนขึ้น ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนฟังว่า พลังงานแสงที่กระทบแผง

RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5