นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 255
8 | นิตยสาร สสวท. นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นสามารถใช้มือลูบคลำ �และฟัง ค่าที่เครื่องอ่านออกเสียงได้ ดังภาพ 3 • ตัวต้านทานที่นำ �ไปยึดกับฐานไม้และออกแบบให้ต่อเข้ากับ วงจรได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นผลงานการประดิษฐ์ของครูเอง นักเรียนสามารถ สัมผัสเพื่อแยกแยะตัวต้านทานแต่ละตัวได้ • การใช้สายไฟและขั้วต่างๆ ให้เป็นสีสด ทั้งสีแดง สีน้ำ �เงิน สีเขียว สีเหลือง และสีดำ � สำ �หรับนักเรียนที่มีสายตาเลือนราง เพื่อให้ พวกเขาสามารถแยกแยะขั้วไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น ดังภาพ 3 ระหว่างที่นักเรียนทุกคนลงมือทดลอง ครูเดินแวะเวียนไปดู การต่อเครื่องมือสำ �หรับการทดลองของนักเรียนแต่ละคน พร้อมกับถามคำ �ถาม ปลายเปิดเพื่อให้พวกเขาได้คิดวิเคราะห์ เช่น “ถ้าเราเปลี่ยนตัวต้านทาน วงจรของเราจะเปลี่ยนไปอย่างไร” นอกจากนั้น ยังพบว่านักเรียนผลัดกัน อธิบายแนวคิดตามความเข้าใจของตนเอง บางคนตอบจากข้อมูลที่เห็น จากตำ �รา บางคนอธิบายจากการสัมผัสสัญลักษณ์อักษรเบรลล์ที่แสดงบน เครื่องมือ ขณะที่บางคนใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยคำ �นวณ ซึ่งทุกครั้ง ที่นักเรียนตอบคำ �ถาม ครูจะพูดว่า “ すばらしい !” (สึบาราชิ แปลว่า ยอดเยี่ยม!) ด้วยน้ำ �เสียงที่ร่าเริงสดใส และแฝงไปด้วยความภูมิใจกับคำ �ตอบ ของนักเรียนเพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าทุกคำ �ตอบของตนมีคุณค่า และความ แตกต่างระหว่างบุคคลไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะ วิชาฟิสิกส์ ถอดบทเรียนจากห้องเรียนฟิสิกส์ ผ่านมุมมองการออกแบบการเรียนรู้ ที่เป็นสากล การออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสากลในห้องเรียนฟิสิกส์ผ่านกรณีศึกษา ในประเทศญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่านักเรียนทุกคนในห้องเรียนสามารถเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ได้ ไม่ว่าพวกเขาจะมีข้อจำ �กัดทางร่างกายอย่างไร บทเรียน จากห้องเรียนที่คณะผู้เขียนได้รับรู้ในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงแนวทางสำ �คัญที่ ครูไทยสามารถนำ �มาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการศึกษาวิทยาศาสตร์ให้ เข้าถึงได้สำ �หรับทุกคน โดยมีประเด็นสำ �คัญดังนี้ 1) การออกแบบห้องเรียนที่สนับสนุนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับ การใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของนักเรียน (Engagement) ได้นั้น พบว่า ครูดูแลการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนได้ อย่างทั่วถึง เนื่องจากมีจำ �นวนนักเรียนต่อห้องไม่มากนัก นักเรียนสามารถ เข้าถึงสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นตำ �ราเรียนที่มี ตัวอักษรขนาดใหญ่พิเศษ อักษรเบรลล์ หรือโปรแกรมช่วยอ่านหน้าจอ สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้เช่นนี้เป็นการลดข้อจำ �กัดในการเรียนรู้ 2) การปรับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ให้เป็นประสบการณ์ที่ “สัมผัสและรับรู้ผ่านเสียงได้” ในประเทศญี่ปุ่น นักเรียนที่บกพร่องทางการ มองเห็นไม่ได้เรียนฟิสิกส์จากตำ �ราเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขาได้รับ ประสบการณ์จริงผ่านสื่อสัมผัส เทคโนโลยีเสียง และอุปกรณ์ที่ออกแบบให้ ภาพ 4 ตัวอย่างแบบจำ �ลองความสัมพันธ์ระหว่างค่ากระแสไฟฟ้ากับความต่างศักย์ไฟฟ้า นอกเหนือจากการใช้อุปกรณ์การทดลองที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของ นักเรียนรายบุคคลแล้ว ครูยังประดิษฐ์อุปกรณ์เพื่อเป็นสื่อประกอบการ อธิบายมโนทัศน์ทางฟิสิกส์ เรื่อง กฎของโอห์ม ซึ่งไม่สามารถทำ �ความเข้าใจได้ ถ้าไม่ผ่านการสังเกตด้วยสายตา ดังภาพ 4 แบบจำ �ลองที่สร้างขึ้น แสดงความสัมพันธ์ระหว่างค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าใน วงจรไฟฟ้ากระแสตรง ครูเลือกใช้วัสดุที่มีผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน วัสดุมี ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้มือสัมผัสได้ง่าย รวมทั้งเลือกใช้วัสดุที่นักเรียน น่าจะมีความคุ้นเคยหรือมีประสบการณ์เดิมที่เคยใช้งานมาก่อน ซึ่งช่วยให้ นักเรียนเชื่อมโยงคำ �อธิบายเชิงวิทยาศาสตร์กับลักษณะของสื่อการเรียนรู้ ที่ครูประดิษฐ์ขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ภาพ 3 โวลต์มิเตอร์และแอมมิเตอร์ที่ติดอักษรเบรลล์และมีระบบอ่านออกเสียงค่าที่วัดได้
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5