นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 256
ปีที่ 53 ฉบับที่ 256 กันยายน - ตุลาคม 2568 | 53 สถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำ �ลังเผชิญอยู่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าเรากำ �ลังอยู่ในช่วงเวลาที่ผลจาก การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศทำ �ให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในแต่ละภูมิภาคของโลกได้รับผลกระทบและภัยพิบัติที่มี ความรุนแรงและความถี่ของการเกิดแตกต่างกันไป โดยองค์กร Germanwatch เผยแพร่รายงาน Climate Risk Index (CRI) 2025 ซึ่งได้จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 30 ของประเทศที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในโลกที่ได้รับ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาวในช่วง 30 ปี (1993 - 2022) การจัดอันดับนี้พิจารณา จากแนวโน้มที่แต่ละประเทศได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับ ภูมิอากาศ เช่น พายุ น้ำ �ท่วม คลื่นความร้อน ภัยแล้ง ไฟป่า รุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น ส่งผลให้เกิดการสูญเสีย ความหลากหลายทางชีวภาพและความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจและสังคม การรับมือผลกระทบดังกล่าวจำ �เป็นต้อง หาทางรอดโดยอาศัยวิธีการที่ยั่งยืนโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาใหม่ที่ต้องแก้ไขต่อไป หนึ่งในแนวทางที่ได้รับความสนใจ ในปัจจุบันคือ การแก้ปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based Solutions: NbS) ควบคู่กับ การปรับตัว โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community-based Adaptation: CbA) ป ระเทศไทยมีแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แห่งชาติ (Thailand’s National Adaptation Plan: NAP) ใน 6 สาขา ได้แก่ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การเกษตรและความมั่นคง ทางอาหาร การท่องเที่ยว การสาธารณสุข การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการตั้งถิ่นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งบทความนี้ขอเสนอแนวคิด ในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในสาขาการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสาขาการตั้งถิ่นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ 4 ประการ คือ การแก้ปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based Solutions: NbS) การปรับตัวโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community-based Adaptation: CbA) การพยากรณ์และการเตือนภัยล่วงหน้าที่แม่นยำ � (Advanced Weather Forecasting and Early Warning System) และการจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ (Risk Management) การแก้ปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based Solutions: NbS) ริเริ่มโดย IUCN (International Union for Conservation of Nature) หรือ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (เพชร, 2567) การแก้ปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติเป็นฐาน เป็นแนวทางที่ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกระบวนการทางธรรมชาติในการบริหารจัดการ ปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างยั่งยืนเพื่อให้สามารถจัดการกับความ ท้าทายทางสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับตัวให้ เข้ากับสถานการณ์เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของมนุษย์ ควบคู่กับการคงไว้ ซึ่งประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ ตัวอย่างเช่น การอนุรักษ์ พื้นที่ชุ่มน้ำ �เพื่อใช้ประโยชน์ที่หลากหลายทั้งในแง่ของการเป็นแหล่ง กักเก็บน้ำ �เพื่อบรรเทาอุทกภัย เป็นแหล่งสำ �หรับการประกอบอาชีพประมง และแหล่งน้ำ �เพื่อการเกษตรในหน้าแล้ง การทำ �การเกษตรเชิงนิแวศที่ ไม่ทำ �ลายสิ่งแวดล้อม การใช้แนวรั้วธรรมชาติป้องกันคลื่นแทนการสร้างเขื่อน ริมหาด การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองเพื่อลดอุณหภูมิของเมือง และ การดำ �เนินธุรกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รวมถึงการส่งเสริมให้สมาชิกในชุมชน มีความเข้าใจและตระหนักถึงความสำ �คัญของทรัพยากรธรรมชาติท้องถิ่น การปรับตัวโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community-based Adaptation: CbA) มุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถของชุมชนในการ จัดการกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการใช้ข้อมูล ด้านภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในการตระหนักรู้และรับมือ ชุมชนมีส่วนร่วมในกระบวนการวางแผนและการตัดสินใจดำ �เนินการ ปรับตัวโดยใช้การแก้ปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติเป็นฐาน เกิดความเข้มแข็ง และความยั่งยืนในการพัฒนา และสร้างความเชื่อมั่นให้ชุมชนมีบทบาท เป็นเจ้าของและผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในท้องถิ่นของตนเองอย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนริมน้ำ �ที่จะ ยกพื้นสูงป้องกันน้ำ �ท่วมในฤดูน้ำ �หลาก หลีกเลี่ยงการสร้างอาคารหรือ สิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำ � หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม น้ำ �ท่วม ภาพ 1 การแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นฐาน (IUCN, 2565)
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NzI2NjQ5