

58
นิตยสาร สสวท
QUIZ
สวัสดี
ปีใหม่ออเจ้าทั้งหลาย ปีใหม่ไทยปีนี้กระแสวัฒนธรรมไทยฟีเวอร์มาไกลมาก เป็นที่น่าภูมิใจยิ่งนักหาก
บรรพบุรุษไทยได้ย้อนเวลากลับมาเห็นอีกครั้ง ต่ายก็แอบภูมิใจและปลื้มไปกับเรื่องนี้ด้วย ในอดีตที่ผ่านมา คนไทยชื่นชมญี่ปุ่น
จีน และชาติอื่นๆ อีกหลายชาติ เวลาที่เห็นเขาแต่งชุดประจ�ำชาติเดินกันเต็มเมือง แต่คนไทยเองกลับมีกรอบความคิดบางอย่าง
ที่คอยสะกิดเตือนว่า อายเขา จะแต่งไทยท�ำไม เชย...ไม่เอาหรอก โบราณ... จะถูกคนมองว่าเป็นตัวประหลาด ตกยุคแล้ว...
ก็แล้วแต่จะมีมโนจิตคิดกันไปต่างๆ นานา
จน ณ เพลานี้ กระแสออเจ้าได้ท�ำให้กรอบความคิด
ดังกล่าวพังทลายลงเกือบหมดสิ้น ท�ำให้เราเห็นคนไทยตระหนัก
และเกิดความภูมิใจในรากเหง้าวัฒนธรรมในหลายๆ มิติ
เช่น การแต่งกาย ภาษา อาหาร และขนบธรรมเนียมประเพณี
โดยเฉพาะประชาชนคนไทยรุ่นใหม่จ�ำนวนมาก กล้าที่จะลุกขึ้นมา
ใส่ชุดไทยเดินออกมานอกบ้านเหมือนชุดสมัยนิยมปกติ
หรือผู้เฒ่าผู้แก่พาลูกหลานแต่งตัวเดินจูงมือกันไปงานย้อนยุค
ที่จัดกันต่อเนื่อง ซึ่งต่ายเชื่อว่าคุณคงได้เห็นผ่านสื่อทีวีหรือ
สื่ออินเทอร์เน็ตกันถ้วนหน้า
ส�ำหรับวงการวิทยาศาสตร์ก็ได้มีเรื่องน่าตื่นเต้น
อีกครั้ง ที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่า ตอนนี้เราสามารถท�ำให้เกิด
เด็กทารกได้แล้ว โดยไม่ต้องอาศัยไข่และสเปิร์ม ก่อนหน้านี้
ถ้าคุณยังจ�ำกันได้ นักวิทยาศาสตร์ประกาศว่า เราสามารถ
พัฒนาวิธีท�ำเด็กหลอดแก้วได้แล้ว (IVF - in vitro fertilization
ซึ่งเป็นวิธีการที่ท�ำให้เกิดการปฏิสนธิของไข่และอสุจิภายนอก
ร่างกาย แล้วจึงน�ำไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้วย้ายกลับเข้าไป
ในมดลูกของฝ่ายหญิง เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ต่อไป) เอาไว้
ช่วยคนที่มีลูกยากและอยากมีลูกมากๆ จนท�ำให้เกิดธุรกิจ
ที่เกี่ยวข้องมากมาย ซึ่งรวมไปถึงการขายสเปิร์ม ขายไข่ รับจ้าง
ตั้งท้อง และมีเรื่องวุ่นวายที่เกี่ยวข้องกับการทวงสิทธิ์การ
เป็นเจ้าของเด็กทารกที่เกิดใหม่ โดยอ้างการเป็นเจ้าของสิทธิ์
ใน DNA นั้น เรื่องแบบนี้ถ้าประเทศใดออกกฎหมายรองรับ
ไม่ทันเทคโนโลยี ก็จะวุ่นวายมากหน่อยหรืออาจจะถึงขั้น
ท�ำให้เกิดการฆาตกรรมกันได้เลยทีเดียว
สังคมผู้สูงอายุ อัตราการเกิดของเด็กในครอบครัว
ที่มีคุณภาพน้อย เด็กที่เกิดใหม่มีโอกาสเป็นโรคทางพันธุกรรม
อายุมากมีลูกแล้วเสี่ยงมีปัญหาทางด้านสุขภาพทั้งแม่และลูก
ประชากรโลกจะลดลง หมดห่วงได้เลย ถึงเวลาบอกลาแนวคิด
เดิมๆ ของการมีลูกด้วยสเปิร์มและไข่ได้แล้ว
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Mitinori Saitou of Kyoto
University ประเทศญี่ปุ่น ได้ทดลองโดยน�ำเซลล์ผิวหนังของ
หนูทดลอง (หนู mice) มาเปลี่ยนให้เป็นเซลล์ต้นก�ำเนิด
(stem cell) ซึ่งเซลล์ต้นก�ำเนิดนี้มีความพร้อมที่จะเปลี่ยน
ไปเป็นเซลล์อะไรก็ได้ในร่างกาย จากนั้นทีมวิจัยก็ได้ท�ำการ
เปลี่ยนเซลล์นี้ให้กลายเป็นสเปิร์มและไข่ ในที่สุดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
(ค.ศ. 2016) ก็ได้ตีพิมพ์รายงานการวิจัยที่น�ำเอาไข่ (ที่ได้จาก
เซลล์ผิวหนังแล้วเปลี่ยนให้เป็นสเต็มเซลล์จากนั้นเปลี่ยนมา
ให้เป็นไข่) มาผสมกับอสุจิของหนูปกติ และน�ำไปฝังตัวใน
มดลูกของแม่หนูอุ้มบุญ จนกระทั่งแม่หนูอุ้มบุญได้คลอด
ลูกหนูออกมา 8 ตัว ต่อมาทีมวิจัยจากญี่ปุ่นก็ได้ไปท�ำงานร่วม
กับ Crick Institute, London โดยน�ำทั้งไข่และสเปิร์มที่ได้มาจาก
เซลล์ผิวหนังมาท�ำการปฏิสนธิกันส�ำเร็จ นั่นหมายความว่า
ตอนนี้มนุษย์ไม่ต้องง้อวิธีการมีลูกแบบเดิมๆ อีกแล้ว เพราะ
มนุษย์เริ่มต้นที่จะสร้างสเปิร์มและไข่จากเซลล์ผิวหนังได้แล้ว
ที่มา
https://www.ivfbabble.com/2017/02/age-limit-restrictions- imposed-nhs-funded-ivf-treatment-parts-nottinghamshire/ที่มา
https://www.thairath.co.th/content/885376ที่มา
https://news.thaipbs.or.th/content/270243