

นิตยสาร สสวท.
40
ศาสตราจารย์ ดร. ประสาท สืบค้ า อธิการบดี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.)
กล่ าวว่ า งาน
วทร.22 ครั้งนี้ จัดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากคะแนน
การสอบ O-NET และ GAT PAT พบว่า วิชาส่วนใหญ่ที่นักเรียน
ได้คะแนนเฉลี่ยต�่
ำมาก ก็คือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ อาจ
รวมไปถึงเทคโนโลยี ฉะนั้น การที่เราจะปฏิรูปหรือพัฒนา
การศึกษาให้ดีขึ้น หัวใจส�
ำคัญที่สุดก็คือครู การที่ครูหรือ
บุคลากรทางการศึกษาได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ได้มารับฟังแนวคิดของอาจารย์ผู้มีประสบการณ์หรือผู้ทรง
คุณวุฒิในงานนี้ จึงเป็นโอกาสดี และกระตุ้นให้ครูเข้าใจว่า
กา รสอนที่จะบูรณากา รทั้ง วิทยาศาสตร์ เ ทค โ น โ ลยี
วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์เข้าด้วยกันจะต้องท�
ำอย่างไร
มทส. นั้นเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นทางวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาล เป็นหนึ่งในเก้า
มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ เป็นสถาบันคู่เคียงสังคม ได้เชื่อมโยง
การสอนกับโรงเรียนในท้องถิ่น เช่น โครงการสนับสนุนการจัดตั้ง
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน (วมว.) โดย กระทรวง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นองค์กรหลัก ร่วมกับส�
ำนักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา และวิทยาลัยอาชีวศึกษา เรามี
ศูนย์เครื่องมือขนาดใหญ่ มีเครื่องเจาะ เครื่องกลึง ถ้าครูอาจารย์
ในโรงเรียนในส่วนภูมิภาคจังหวัดนครราชสีมาต้องการจะผลิต
อุปกรณ์การสอนที่ต้องใช้เครื่องเจาะ ใช้สว่าน เครื่องเชื่อม ให้มา
ที่ มทส. นี่คือบทบาทหนึ่งของทางมหาวิทยาลัยในการส่งเสริม
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ ดร. มนตรี จุฬาวัฒนฑล
ประธานกรรมการ สสวท.
บรรยายพิเศษ หัวข้อ “แผน 5 ปีสะ
เต็มศึกษาไทยที่ทุกคนท�
ำได้” และ
ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร
ผู้อ�
ำนวยการ สสวท.
บรรยายพิเศษ หัวข้อ “แนวทางขับเคลื่อน
สะเต็มศึกษาในโรงเรียนของไทย” สรุปได้ว่า สิ่งที่ สสวท. ได้
ด�
ำเนินการไปแล้ว คือ การจัดตั้งศูนย์สะเต็มศึกษาแห่งชาติและ
ศูนย์ภูมิภาค การพัฒนาระบบ Learning Space สื่อการสอน
กิจกรรมการเรียนการสอน การวางเครือข่ายมหาวิทยาลัย
ผู้เชี่ยวชาญ และทูตสะเต็ม ส�
ำหรับสิ่งที่จะด�
ำเนินการระหว่างปี
พ.ศ. 2558- 2562 ก็คือ ระบบ สะเต็มศึกษา ประกอบด้วย
การพัฒนาระบบบริหารและปฏิบัติการสะเต็มศึกษา พัฒนาแนว
ปฏิบัติสะเต็มศึกษา พร้อมทั้งน�
ำแนวปฏิบัติสะเต็มศึกษาไปใช้ใน
โรงเรียน พัฒนาสภาพแวดล้อมการเรียนรู้สะเต็มศึกษาขยาย
โรงเรียนสะเต็มศึกษาในทุกสังกัด รวมทั้งพัฒนาครูสะเต็มศึกษา
และครูวิชาชีพ
ผู้อ�
ำนวยการ สสวท. อธิบายว่า สะเต็มศึกษา ไม่ใช่สิ่งใหม่
แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ ส่วนใหญ่อยู่ใน
รูปแบบของโครงงาน และมีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น Project
Based Learning, Problem Based Learning, Work Based
Learning , Service Based Learning และอื่นๆ ซึ่งไม่จ�
ำเป็น
ต้องเกิดขึ้นในระบบโรงเรียนเท่านั้น สามารถเกิดขึ้นกับกลุ่มงาน
อาชีพ หรืออีกหลายกลุ่ม สะเต็มศึกษาเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วย
พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี และ
เชื่อมโยงกับอาชีพได้ อีกทั้งเป็นกระบวนการที่จะช่วยยกระดับ
สมรรถนะของเด็กไทยในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาด้วย
กิจกรรมต่าง ๆ ภายในงาน วทร. 22 มีทั้งการบรรยายทาง
วิชาการ การประชุมเชิงปฏิบัติการ คลินิกวิชาการ การสาธิต
กิจกรรมวิทยาศาสตร์ การน�
ำเสนอผลงานด้วยวาจาและด้วย
โปสเตอร์ และนิทรรศการต่าง ๆ ล้วนแต่ชูประเด็นเกี่ยวกับ
สะเต็มศึกษา โดยมีการน�
ำองค์ความรู้ในการจัดเรียนรู้สะเต็ม
ศึกษาในโรงเรียน สื่อการเรียนการสอนสะเต็มศึกษา และ
สิ่งน่าสนใจต่าง ๆ มาร่วมน�
ำเสนอจ�
ำนวนมาก และผู้มาร่วมงาน
ต่างให้ความสนใจกันอย่างเต็มที่
เป็นที่น่ายินดีว่ากิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง
ความตื่นตัวของสถานศึกษาในการน�
ำสะเต็มศึกษาไปใช้ และ
ครูจ�
ำนวนมากได้จัดการเรียนรู้ในรูปแบบสะเต็มศึกษามาก่อน
แล้ว โดยบูรณาการกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับศาสตร์อื่น ๆ
ตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้ค�
ำว่าสะเต็มศึกษาในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น
“ในการพัฒนาประเทศ คนไทยจะต้องมีความเข้าใจวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นฐานความรู้ส�
ำหรับการด�
ำรงชีวิตประจ�
ำวัน
สร้างสังคมให้มีเหตุผล มีการคิดวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหา และมีการใช้ความรู้ต่อยอดไปเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
ยกตัวอย่างเช่น เราจะแปรรูปวัตถุดิบทางการเกษตร หากมีความรู้ทาง STEM แทนที่จะผลิตแต่แป้งขายอย่างเดียว อาจจะ
น�
ำไปท�
ำแอลกอฮอล์ น�
ำไปท�
ำเป็นโพลิเมอร์ หรือเปลี่ยนรูปเป็นสารเคมีออกฤทธิ์ นี่คือตัวอย่างที่ STEM สามารถไปช่วย
พัฒนาเศรษฐกิจได้”