Previous Page  56 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 56 / 62 Next Page
Page Background

นกชนิดใหม่ 34 สปีชีส์ รวมถึงพบซากของนก Auk ที่สูญพันธุ์

ไปแล้วด้วย ในเบื้องต้น Banks เข้าใจผิดว่ามันเป็นนกเพนกวิน

และส�

ำหรับใบไม้ของพืชตัวอย่างที่Banks เก็บกลับมานั้น ปัจจุบัน

ก็ยังอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ British Museum ผลงานที่ส�

ำคัญนี้ท�

ำให้

Banks ได้รับเลือกเป็น Fellow of the Royal Society (F.R.S.)

ในเดือนสิงหาคม ปี 1768 Banks ได้เดินทางไกลไปส�

ำรวจ

มหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ และไปสังเกตเหตุการณ์ดาวศุกร์โคจร

ตัดหน้าดวงอาทิตย์ (ในปี 1769) กับกัปตัน James Cook โดย

เรือ Endeavour ในเรือมีอุปกรณ์ส�

ำรวจธรรมชาติอย่างครบ

ครัน เมื่อเรือเข้าเทียบท่าที่ Brazil Banks ได้สังเกตเห็นดอก

เฟื่องฟ้า (bougainvillea) เป็นครั้งแรก และเมื่อเรือเดินทางถึง

Tierra del Fuego ในเดือนธันวาคม อากาศหนาวจัดจนลูกน้อง

2 คนล้มป่วยเป็นโรคปอดบวมและเสียชีวิต

จากทวีปอเมริกาใต้ เรือ Endeavour ได้เดินทางต่อถึงเกาะ

Tahiti เมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ.1769 และได้พบว่าชาวเกาะ

ให้ความเป็นมิตรมาก จนกะลาสีเรือที่ไม่ได้เห็นสตรีมานานร่วม

ปีรู้สึกต้องการจะมีความสัมพันธ์ด้วย

Banks เองก็มีสัมพันธ์กับหญิงชาวเกาะคนหนึ่ง จึงได้

พยายามเรียนและพูดภาษาพื้นเมือง เพื่อจะได้เข้าใจวัฒนธรรม

และความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองด้านการใช้ชีวิต การท�

ำมา

หากิน การท�

ำอุปกรณ์เครื่องใช้ การนับถือศาสนา ฯลฯ นี่จึง

เป็นการศึกษาด้านมานุษยวิทยาของชาวเกาะที่ Banks เป็นผู้

ท�

ำวิจัยเป็นคนแรก และเพื่อให้จุดประสงค์นี้บรรลุผล Banks

ได้ลงทุนใช้ถ่านไม้ทาผิวจนด�

ำไปทั้งตัว รวมถึงลงสักด้วย ซึ่ง

ประเพณีการลงสักตามตัวที่ Banks ท�

ำนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้

กะลาสีได้ท�

ำกันเป็นประเพณีในเวลาต่อมา

หลังจากที่ได้สังเกตเห็นปรากฏการณ์ดาวศุกร์โคจรบดบังดวง

อาทิตย์แล้ว เรือ Endeavour ได้เดินทางต่อไปถึง New Zealand

ซึ่ง Banks ได้ใช้เวลา 6 เดือนในการส�

ำรวจเกาะนี้ จากนั้นได้

เดินทางต่อไปถึงฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย แล้วแล่นเรือผ่าน

Great Barrier Reef เพื่อเก็บสัตว์และพืชตัวอย่างเพิ่มเติม อนึ่ง

ลูกเรือได้พบว่า ชาวพื้นเมือง Aborigine ในออสเตรเลีย มิได้

เป็นมิตรที่ดีเท่าชาวเกาะ Tahiti

ขณะเรือเดินทางเข้าใกล้บริเวณที่เป็นที่ตั้งของเมือง Sydney

ของออสเตรเลียในปัจจุบัน กัปตัน Cook ได้พบว่า ตัวเรือบาง

ส่วนช�

ำรุดจึงต้องแวะขึ้นฝั่ง เพื่อซ่อมเป็นเวลานาน 7 สัปดาห์

และ Banks ได้เห็นว่าบนฝั่งมีต้นไม้สายพันธุ์แปลก ๆ มากมาย

เหมือนเป็นสวนสวรรค์ Eden เขาจึงเรียกชื่ออ่าวนี้ว่า Botany

Bay (อีกหลายปีต่อมา Banks เป็นคนที่เสนอแนะให้สถานที่นี้

เป็นที่กักขังนักโทษที่ถูกส่งมาจากอังกฤษ นี่จึงเป็นสถานที่แรก

ที่คนชาวผิวขาวได้อพยพมาอาศัยในแปซิฟิก)

ขณะส�

ำรวจ Botany Bay Banks ยังเป็นชาวยุโรปคน

แรกที่ได้บันทึกเรื่องราวของจิงโจ้ด้วย

จากออสเตรเลียขบวนส�

ำรวจได้เดินทางต่อไปถึง New

Guinea และชวาในอินโดนีเซีย แต่คนพื้นเมืองไม่เป็นมิตร

Banks จึงเก็บรวบรวมสิ่งมีชีวิตตัวอย่างได้ไม่สะดวกนัก

ครั้นเมื่อเรือส�

ำรวจของ Cook เดินทางกลับถึงอังกฤษในวัน

ที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ.1771 กะลาสีเรือทุกคนได้รับการต้อนรับ

เป็นอย่างดียิ่ง และให้ความส�

ำคัญกับ Banks ยิ่งกว่า Cook เสีย

อีก เพราะ Banks มีผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เช่น เก็บพืช

ตัวอย่างได้กว่า 1,000 สายพันธุ์ใหม่ ปลาประมาณ 500 สาย

พันธุ์ใหม่ และนก 500 สายพันธุ์ใหม่ แมลงจ�

ำนวนนับไม่ถ้วน

หอย ปะการัง หิน ผ้าพื้นเมือง ไม้แกะสลัก รวมถึงวัตถุประดับ

มากมาย ซึ่งแสดงการมีอารยธรรม และความรู้ด้านเทคโนโลยี

ของชาวแปซิฟิกเป็นอย่างดี

เมื่อมีชื่อเสียงโด่งดัง ใคร ๆ ก็อยากพบ แม้แต่กษัตริย์

George ที่ 3 ก็ทรงมีพระราชประสงค์ให้ Banks เข้าเฝ้าถวาย

รายงาน ในขณะที่มหาวิทยาลัย Oxford ที่ Banks เคยเรียน

แต่เรียนไม่จบได้ประกาศมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

ให้ แม้จะมีคนชื่นชมมากแต่ Banks ก็ถูกสื่อสารมวลชนกล่าว

ต�

ำหนิเรื่องที่ได้ประพฤติส�

ำส่อนกับชาวเกาะ

สวนพฤกษศาสตร์ Sir Joseph Banks ที่อ่าว Botany ออสเตรเลีย

(ที่มา :

http://sydney-city.blogspot.com/2011/09/botany-

sir-joseph-banks-park-sculpture.html)

นิตยสาร สสวท.

56