

ปีที่ 43 ฉบับที่ 192 มกราคม - กุมภาพันธ์ 2558
45
ในอดีตเมื่อ 40 ปีก่อน Otto Frisch เคยใช้เทคนิคกระเจิง
แสงในการท�
ำให้สสารมีอุณหภูมิเย็นจัด โดยการยิงอะตอม
โซเดียมด้วยแสงโซเดียม และพบว่า แสงสามารถท�
ำให้อะตอม
โซเดียมเบี่ยงเบนทิศได้ เพราะเมื่ออนุภาคโฟตอนของแสงปะทะ
อะตอม โมเมนตัมของอะตอมจะเปลี่ยน คือมีความเร็วส่วนหนึ่ง
ในทิศของแสง และอุณหภูมิของอะตอมจะลดลง ดังนั้นเมื่อ
โฟตอน หลายอนุภาคพุ่งชนอะตอมซ�้
ำ ๆ แม้โมเมนตัมของ
โฟตอน จะมีค่าน้อย แต่ถ้าจ�
ำนวนครั้งของการชนมีมาก
ผลกระทบจะมีค่ามากในท�
ำนองเดียวกับการระดมยิงลูกบาสเก็ตบอล
ที่ก�
ำลังเคลื่อนที่ด้วยกระสุนที่ท�
ำด้วยลูกปิงปองจ�
ำนวนมาก ก็
สามารถชะลอความเร็วของลูกบาสเก็ตบอลได้เช่นกัน Frisch ได้
ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าใช้แสงเลเซอร์ในการทดลอง นักทดลองจะต้อง
ปรับความถี่ของแสงตลอดเวลาเพื่อให้ โฟตอน ของแสงมีพลังงาน
พอดีส�
ำหรับการถูกอะตอมดูดกลืน ซึ่งความถี่นี้ขึ้นกับชนิด ทิศ
และความเร็วของอะตอมนั้น เพราะถ้าไม่ปรับความถี่ของแสงให้
พอเหมาะ แสงเลเซอร์ก็จะเคลื่อนที่ผ่านอะตอมไปโดยไม่ท�
ำให้
อะตอมมีความเร็วลดลง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา คือ เมื่ออะตอมดูดกลืน
โฟตอนเข้าไปแล้ว มันจะปลดปล่อยโฟตอนออกมาในทิศต่าง ๆ
อย่างสะเปะสะปะ ท�
ำให้อะตอมที่เคลื่อนที่ในทิศของแสง
พุ่งเข้าหาแสงด้วยความเร็วที่น้อยลง แต่ในขณะเดียวกันอะตอมเอง
ก็มีการเคลื่อนที่แบบ Brownian ด้ วย คือสะเปะสะปะ
อันเป็นผลที่เกิดจากการที่อะตอมชนกันเอง ซึ่งท�
ำให้อะตอมมี
อุณหภูมิสูงขึ้น การหักล้างระหว่างปัจจัยทั้งสองนี้คือข้อเสียที่
ท�
ำให้นักฟิสิกส์ไม่สามารถท�
ำให้อะตอมมีอุณหภูมิลดต�่
ำมากได้
ดังนั้น เพื่อให้กลุ่มอะตอมมีอุณหภูมิซูเปอร์ต�่
ำ นักฟิสิกส์
จ�
ำต้องอาศัยเทคนิคอื่นเสริม นั่นคือ อาศัยกระบวนการระเหย
(evaporative cooling) ซึ่งเป็นวิธีที่เราใช้เวลาต้องการจะท�
ำให้
กาแฟเย็นลง คือ เป่าลมไปเหนือผิวน�้
ำกาแฟ การท�
ำเช่นนี้จะช่วย
ให้โมเลกุลน�้
ำที่มีอุณหภูมิสูงถูกก�
ำจัดออกจากกาแฟออกมาเป็น
ไอน�้
ำ ซึ่งมีผลท�
ำให้โมเลกุลน�้
ำที่เหลือมีพลังงานน้อยลง คือเย็นลง
ดังนั้น เมื่อใดที่มีกลุ่มอะตอมอุณหภูมิสูง กระบวนการระเหยจะ
ท�
ำให้กลุ่มอะตอมที่เหลือมีอุณหภูมิลดลง ๆ
คณะบุคคลผู้บุกเบิกเทคนิคเช่นนี้คือ Chu, Cohen-Tan-
noudji และ Phillips ซึ่งสามารถท�
ำให้อะตอมเย็นจัดจนใกล้ถึง
อุณหภูมิศูนย์ องศาสัมบูรณ์ ได้ เป็นเวลานานหลายวินาที
และอะตอมที่ถูกกักนี้จะเคลื่อนที่ไป-มาเสมือนตกอยู่ในวุ้น
เหนียว เมื่ออะตอมมีความเร็วต�่
ำ นักฟิสิกส์ก็สามารถศึกษาและ
วัดสมบัติของอะตอมได้อย่างแม่นย�
ำ จนสามารถน�
ำไปสร้าง
นาฬิกาปรมาณูที่เดินได้เที่ยงที่สุดในโลก และใช้ในกระบวนการ
atomic lithography เพื่อท�
ำคอมพิวเตอร์ชิพให้มีขนาดเล็ก
ยิ่งกว่าเทคนิคธรรมดาหลายพันเท่า
หลังจากที่ประสบความส�
ำเร็จในการท�
ำวิจัยระดับรางวัล
โนเบลแล้ว Chu ได้ย้ายไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Stanford
ในปี ค.ศ. 1987 และเริ่มโครงการ Bio-X ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่
เชื่อมโยงชีววิทยากับแพทยศาสตร์ โดย Chu เป็นตัวตั้งตัวตี
ในการหาแหล่งทุนวิจัยจากภายนอกมหาวิทยาลัย
ถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ.2004 Chu ได้รับการแต่งตั้งเป็น
ผู้อ�
ำนวยการของห้องปฏิบัติการ Lawrence Berkeley
National Laboratory (LBNL) ซึ่งมีจุดประสงค์จะวิจัยและ
พัฒนาด้านพลังงาน เช่น พลังนิวเคลียร์ พลังงานแสงอาทิตย์ และ
พลังงานชีวมวล เพราะได้พบว่าในการต่อสู้กับภัยโลกร้อน
อเมริกาจ�
ำต้องลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน
และน�้
ำมัน Chu ได้เคยเสนอให้หลังคาบ้าน และถนนทุกสายใน
โลกทาสีขาว หรือสีอ่อนเพื่อให้สามารถสะท้อนแสงอาทิตย์กลับ
ออกไปสู่อวกาศ ซึ่งจะท�
ำให้อุณหภูมิของโลกลดลงได้ และผลที่
เกิดขึ้นนี้ Chu คิดว่า จะมีค่าเท่ากับการที่โลกไม่ใช้รถยนต์เลย
เป็นเวลานาน 11 ปี
รูปที่ 3
(ที่มา:
http://www.ideastream.org/news/npr/170878703)