Previous Page  54 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 54 / 62 Next Page
Page Background

นิตยสาร สสวท.

54

แต่ปัญหาที่นักประดิษฐ์ทุกคนต้องประสบคือ ไม่มีใครในโลก

มีนาฬิกาที่สามารถเดินได้เที่ยงตรง เพราะนาฬิกาลูกตุ้มเพนดูลัม

ของ Galileo จะกวัดแกว่งอย่างไม่สม�่

ำเสมอ ขณะเรือก�

ำลัง

โคลงเคลงในทะเล เวลาถูกคลื่นซัดและพายุพัด

Roemer จึงคิดว่า ถ้าการวัดเวลาอย่างเที่ยงตรงบนโลกเป็น

เรื่องที่ท�

ำไม่ได้ ทางออกหนึ่งคือ ใช้ดาวบนฟ้าในการบอกต�

ำแหน่ง

ของเส้นแวง และพบว่า ดวงจันทร์ชื่อ Io ของดาวพฤหัสบดี

สามารถใช้บอกต�

ำแหน่งเส้นแวงได้ ด้วยการจับเวลาที่ Io ถูกดาว

พฤหัสบดีบดบัง โดยใช้ผู้สังเกตที่อยู่สองต�

ำแหน่งบนโลก คือ ที่

Copenhagen กับที่ Paris ซึ่งจะได้เวลาแตกต่างกัน และ

ค่าแตกต่างนี้สามารถบอกความแตกต่างระหว่างองศาของเส้น

แวงที่ลากผ่านเมืองทั้งสองได้

แต่ Roemer ก็รู้สึกประหลาดใจมาก เมื่อพบว่า ที่หอดูดาว

Paris เพียงแห่งเดียว กลับจับเวลาในการเกิดจันทรคราสของ Io

ได้ต่างกัน (การสังเกตนี้จึงยืนยันว่า แสงมิได้มีความเร็วอนันต์

เพราะถ้าแสงมีความเร็วดังกล่าว เวลาในการเห็นจันทรคราสจะ

ไม่แตกต่างกัน) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาได้พบว่า ถ้าเวลาใน

การสังเกตแตกต่างกัน 6 เดือน เวลาในการเกิดจันทรคราสของ

Io จะต่างกันถึง 22 นาที (เวลาที่ถูกต้องคือ 16.5 นาที) ตัวเลข

ที่แตกต่ างกันนี้จะเกิดเวลาโลกกับดาวพฤหัสบดีโคจรใน

ทิศเดียวกัน นั่นคือเวลาโลกกับดาวพฤหัสบดีอยู่ข้างเดียวกับของ

ดวงอาทิตย์ โดยเวลาที่เกิดจันทรคราสจะสั้น แต่เวลาโลกอยู่

ตรงข้ามกับดาวพฤหัสบดี เวลาที่เกิดจันทรคราสจะยาว

ในเวลาต่อมา Roemer ก็ตระหนักว่า เวลาที่แตกต่างกันเกิด

จากการที่แสงต้องใช้เวลาในการเดินทางเป็นระยะทางเท่ากับ

ความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางวงโคจรของโลก และเมื่อเขาใช้

สูตรว่า ความเร็ว = ระยะทาง/เวลา เขาก็รู้ความเร็วของแสงทันที

แต่ Roemer ไม่มีข้อมูลเรื่องความยาวเส้นผ่านศูนย์กลาง

วงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ เขาจึงต้องอาศัยข้อมูลของ

Cassini ซึ่งได้ค่าเท่ากับ 292 ล้านกิโลเมตร (ตัวเลขจริง 300 ล้าน

กิโลเมตร และเมื่อเวลาที่ใช้ดูจันทรคราสแตกต่างกัน 22 นาที

= 1,320 วินาที) Roemer ก็ได้ค่าความเร็วแสงเท่ากับ 221,212

กิโลเมตร/วินาที ตัวเลขความเร็วของแสงในปั จจุบันคือ

299,792.458 กิโลเมตร/วินาที

ผลค�

ำนวณของ Roemer จึงผิด “เพียง” 26 % ซึ่งนับว่า

“ดีมาก” ถ้าพิจารณาความไม่สมบูรณ์ของอุปกรณ์ที่เขาใช้วัด

ความยากล�

ำบากในการสังเกตจันทรคราส เพราะดาวพฤหัสบดี

อยู่ไกลจากโลกมาก และกล้องโทรทรรศน์ก็ไม่ได้มีคุณภาพ

นอกจากนี้การประมาณที่อ้างว่า วงโคจรทั้งของโลก และของ

ดาวพฤหัสบดีเป็นวงกลมนั้นก็นับว่าไม่ถูกต้อง เพราะวงโคจรของ

ดาวทั้งสองเป็นวงรี

Roemer น�

ำเสนอผลงานนี้ต่อสมาคม French Academy

of Sciences และผลงานถูกน�

ำไปตีพิมพ์ในวารสาร Journal

des Scavans ของสมาคมฉบับวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1676

แต่ผลงานนี้ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับในทันที เพราะ Roemer ใช้

แบบจ�

ำลองระบบสุริยะของ Copernicus ซึ่ง Cassini ไม่ศรัทธา

ในทฤษฎีนี้ จนกระทั่ง James Bradley ทดลองวัดความเร็วของแสง

ด้วยวิธีสังเกตความคลาดแสงดาว (aberration of starlight) ใน

ปี ค.ศ. 1727 ซึ่งก็ใช้ดวงจันทร์ Io เช่นกัน

ความส�

ำเร็จนี้ท�

ำให้หอดูดาวแห่ง Paris น�

ำแผ่นจารึกแสดง

ความส�

ำเร็จของ Roemer มาติดตั้งเพื่อเป็นที่ระลึกในการวัดค่า

ความเร็วของแสงเป็นครั้งแรก และความเร็วนี้ในเวลาต่อมาได้ถูก

แทนด้วยตัวอักษร c ซึ่งมาจากค�

ำละตินว่า celeritas ที่แปลว่า

ความว่องไว

ความส�

ำเร็จของ Roemer ครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนที่ Newton จะ

เขียนต�

ำรา Principia ถึง 11 ปี แต่ Newton ไม่เคยสนใจ และ

ไม่ได้ให้ความส�

ำคัญในการวัดของ Roemer จะมีก็แต่ Christiaan

Huygens เท่านั้นที่ตระหนักในความส�

ำคัญของผลงาน เพราะได้

กล่าวยืนยันว่า หลักการของ Roemer ในการวัดความเร็วของแสง

นั้นถูกต้อง

นอกจากจะวัดความเร็วแสงได้แล้ว Roemer ยังได้แบ่งเวลา

ท�

ำงานในต�

ำแหน่งผู้อ�

ำนวยการแห่งหอดูดาว Round Tower ใน

กรุง Copenhagen ริเริ่มให้มีการน�

ำปฏิทิน Gregory มาใช้ใน

เดนมาร์ก บุกเบิกการน�

ำมวลมาตรฐาน และความยาวมาตรฐาน

มาใช้ในประเทศ ประดิษฐ์เทอร์โมมิเตอร์แบบ Roemer ที่มีสเกล

ตั้งแต่ 0 ถึง 80 องศา โดยให้ 0 องศาแสดงจุดเยือกแข็ง และ 80

องศาแสดงจุดเดือดของน�้

นอกจากจะมีผลงานวิทยาศาสตร์แล้ว Roemer ยังท�

ำงาน

ในต�

ำแหน่งผู้ว่ากรุง Copenhagen เป็นผู้พิพากษาประจ�

ำศาล

ฎีกา เป็นต�

ำรวจ และในบางครั้งก็ท�

ำงานเป็นหัวหน้าหน่วย

ดับเพลิงด้วย

Roemer เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 กันยายน ค.ศ.1710 ที่กรุง

Copenhagen สิริอายุ 65 ปี

ณ วันนี้ความเร็วแสงเป็นค่าที่มีความส�

ำคัญมากในธรรมชาติ

หลังจากที่ Einstein ได้ก�

ำหนดให้สสารทุกชนิด หรือแม้แต่คลื่น

ต่าง ๆ ก็มีความเร็วไม่เกินความเร็วของแสง

ในปี ค.ศ. 1983 องค์การ International System of Units

ได้ก�

ำหนดให้ระยะทาง 1 เมตร คือระยะทางที่แสงเดินทางโดย

ใช้เวลา 1/299,792.458วินาทีตามค�

ำจ�

ำกัดความนี้ความเร็วของแสง

จึงมีค่าคงตัว

บรรณานุกรม

Mackay, R.J. and Oldford, R,W. (2000) Scentific

Method, Statistical Method andthe Speed of

Light

. Statistical Science, 15(3),

254-278.