

49
ปีที่ 43 ฉบับที่ 196 กันยายน - ตุลาคม 2558
Brush, S.G. (1996).
A History of Modern Planetary Physics.
New York: Cambridge University Press.
บรรณานุกรม
การวัดขนาดของพลูโตอย่างถูกต้องด้วยกล้องโทรทรรศน์
บนโลกเป็นเรื่องที่ท�
ำได้ยาก เพราะแสงจากพลูโตเวลาผ่าน
ชั้นบรรยากาศโลกจะหักเห ท�
ำให้เห็นพลูโตมีขนาดใหญ่เกินจริง
นักดาราศาสตร์จึงใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble ใน
การสังเกต ท�
ำให้รู้ว่าพลูโตมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2,275 กิโลเมตร
ข้อมูลนี้ท�
ำให้ทราบว่าพลูโตมีขนาดเล็กกว่าดวงจันทร์ของโลก
องค์ประกอบของพลูโตมีทั้งที่เป็นหินและน�้
ำแข็ง
เพราะต้ นก�
ำ เนิดของพลูโตคือดาวหาง ในบริ เวณนอก
ระบบสุริยะ และได้พลัดหลงเข้ามาจึงถูกดวงอาทิตย์ดึงดูดเป็น
ดาวบริวาร ส่วน ชารอน ซึ่งเป็นดาวบริวารนั้น ได้ถือก�
ำเนิด
ขณะพลูโตก�
ำลังแข็งตัว และถูกดาวเคราะห์น้อยอีกดวงพุ่งชน
จากนั้นชิ้นส่วนของพลูโตที่กระจายไปได้รวมตัวกันเป็น ชารอน
หนทา ง เ ดียวที่จะรู้ ธร รมชาติที่แท้ จริ งของพลู โ ตและ
ชารอนได้คือต้องมีการส่งยานอวกาศไปส�
ำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องที่
ต้องอาศัยปัจจัยทั้งด้านเทคโนโลยี ทุนทรัพย์ รวมถึงเวลาใน
การเดินทาง นอกจากนี้ความเร็วของยานอวกาศก็ต้องเหมาะสม
เพราะถ้ายานมีความเร็วมากเกินไป มันจะโคจรผ่านพลูโต
ภายในเวลาเสี้ยววินาที การถ่ายภาพจะไม่มีคุณภาพ แต่ถ้า
ยานมีความเร็วน้อยเกินไป การเดินทางจากโลกถึงดาวพลูโตจะ
ต้องใช้เวลานานมาก ซึ่งหมายความว่ายานอวกาศที่เดินทาง
ต้องท�
ำงานอย่างไม่บกพร่องตลอดเวลาที่ยาวนาน แต่ส่วนดี
ของวิธีหลังนี้คือเมื่อยานอวกาศที่มีความเร็วน้อยโคจรผ่าน
พลูโตนักวิทยาศาสตร์จะมีเวลาส�
ำรวจพลูโตได้อย่างเต็มที่
ณ วันนี้สมาพันธ์ International Astronomical
Union ได้ก�
ำหนดให้ระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ 8 ดวง
ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง
อุกกาบาต ฝุ่น ฯลฯ และให้ค�
ำจ�
ำกัดความของดาวเคราะห์ว่า
จะต้องมีแรงโน้มถ่วงที่มีอิทธิพลค่อนข้างมากในบริเวณที่มัน
โคจร ส่วนดาวเคราะห์แคระนั้นเป็นวัตถุในอวกาศลักษณะอะไร
ก็ได้ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ และเป็นดาวที่มีแรงโน้มถ่วงไม่
สูงมาก แต่ก็ควรมีลักษณะกลมหรือเกือบกลม
ตามเกณฑ์นี้ ระบบสุริยะจะมีดาว 2003 EL61,
2005 FY9, Sedna, Orcus, Quaoar, 2002 TX300, 2002
AW197, Ceres, 2003 UB313, Varuna, Ixion, Vesta, Pallas,
Hygiea เป็นดาวเคราะห์แคระร่วมกับพลูโต เช่น 2003 UB313
ซึ่งเป็นดาวเคราะห์แคระที่พบเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2003
และมีชื่อว่า Xena นั้น มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 2,900 กิโลเมตร
(จึงใหญ่กว่าพลูโตเล็กน้อย) และโคจรห่างจากดวงอาทิตย์
16,000 ล้านกิโลเมตร
ด้านดาวเคราะห์แคระ SEDNA ที่พบเมื่อวันที่
15 มีนาคม ค.ศ. 2004 มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 1,600 กิโลเมตร
และโคจรห่างจากดวงอาทิตย์ 12,900 ล้านกิโลเมตร
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าหลังจากที่ได้เดินทางนาน 9 ปี
เป็นระยะทาง 5,000 ล้านกิโลเมตร ลุถึงวันที่ 14 กรกฏาคม
ค.ศ. 2015 ยานอวกาศชื่อ New Horizons ของสหรัฐอเมริกา
ก็จะโคจรผ่านดาวเคราะห์แคระพลูโตที่ระยะใกล้12,500กิโลเมตร
ด้วยความเร็ว 49,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากที่ได้
ถ่ายภาพของพลูโตและดวงจันทร์บริวารขนาดเล็กของดาว
ทั้งห้าดวงที่ชื่อ Styx, Charon, Hydra, Nix และ Kerberos
แล้วยาน New Horizons ก็จะเดินทางต่อไปส�
ำรวจดาวเคราะห์แคระ
ดวงอื่น ๆ ในแถบ Kuiper ต่อไป
ตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ภาพถ่ายจากกล้องโทรทรรศน์
Hubble แสดงให้เห็นว่า ความดันบรรยากาศบนพลูโต
มีค่า 0.001 % ของความดันบรรยากาศโลก ผิวดาวมีไนโตรเจน
แข็งกับมีเทนแข็งปกคลุม และมีคาร์บอนมอนอกไซด์เล็กน้อย
เวลาขั้วเหนือของพลูโตหันเข้าหาดวงอาทิตย์บริเวณนั้นจะเป็น
ฤดูร้อน แต่แสงอาทิตย์ที่ตกกระทบท�
ำให้ มีเทน และ ไนโตเจน
แข็งระเหยจากผิวได้บ้าง และอุปกรณ์ spectrometer บนยาน
New Horizons จะวิเคราะห์น�้
ำค้างแข็ง (frost) เพื่อหาองค์
ประกอบของธาตุต่าง ๆ บนดาว ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ จะวัด
ความเข้ มของสนามแรงโน้ มถ่ วงเพื่อให้รู้สภาพแกนกลาง
ของดาว และวัดขนาดของพลูโตให้ผิดพลาดไม่เกิน 300 เมตร
เพราะการรู้ขนาดอย่างแม่นย�
ำจะท�
ำให้รู้ความหนาแน่นและ
องค์ประกอบต่าง ๆ ภายในดาวด้วย
บุคคลหนึ่งที่ติดตามเรื่องของ พลูโต มาตลอดเวลาคือ
Marc Buic แห่งสถาบัน Southwest Research Institute
ซึ่งได้ท�
ำวิทยานิพนธ์เรื่องพลูโต ในปี ค.ศ. 1984 และยังสนใจ
ดาวดวงนี้ต่ออย่างไม่ลดละ แต่หลังจากที่ยาน New Horizons
โคจรผ่านพลูโต ในปี ค.ศ. 2015 แล้ว Buic ก็คงต้องหันไปสนใจ
ดาวดวงอื่นต่อ เพราะ NASA ไม่มีโครงการจะส่งยานอวกาศ
ใดไปพลูโตอีกเลย