

47
ปีที่ 43 ฉบับที่ 196 กันยายน - ตุลาคม 2558
ในต�
ำแหน่งอาจารย์ Tombaugh ได้ศึกษากาแล็กซี
ประมาณ 30,000 กาแล็กซี และวิเคราะห์การกระจายของ
กาแล็กซีเหล่านี้ จนพบว่ามันมิได้กระจายอย่างสม�่
ำเสมอใน
อวกาศ ดังที่คนในสมัยนั้นคิด Hubble เองก็คิดว่า ไม่ว่า
ผู้สังเกตจะมองไปทิศใด ก็น่าจะเห็นความหนาแน่นของกาแล็กซีมี
ค่าเท่ากันเสมอ แต่ Tombaugh กลับพบว่า กาแล็กซีอยู่กัน
เป็นกระจุก (cluster) และกระจุกแรกที่เขารายงานเป็น
Supercluster มีชื่อว่า Pisces-Perreus
การค้นพบนี้ถูก Hubble ปฏิเสธไม่ยอมรับ แต่Tombaugh
ก็กล้าหาญพอที่จะเสนอผลงาน ในเวลาต่อมาทุกคนก็ยืนยันว่า
ความคิดของ Tombaugh ถูก เพราะ 95% ของกาแล็กซีอยู่กัน
แบบกระจุก
ผู้อ�
ำนวยการ Vesto Slipher รู้สึกประทับใจใน
ความสามารถและความสนใจดาราศาสตร์ของหนุ่ม Tombaugh
มากจึงจ้างมาท�
ำงานในโครงการค้นหาดาวเคราะห์ดวงใหม่
ของระบบสุริยะด้วยการถ่ายภาพ ซึ่งดาวเคราะห์ดวงใหม่นี้จะ
อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ยิ่งกว่าเนปจูน และมีชื่อชั่วคราวว่า
ดาวเคราะห์ X
ในเวลานั้น นักดาราศาสตร์รู้ว่าเนปจูน เป็น
ดาวเคราะห์ดวงที่ 8 ที่พบในปี ค.ศ. 1846 โดยการวิเคราะห์
วิถีโคจรที่ผิดปกติเล็กน้อยของยูเรนัส แต่การพบเนปจูน ก็ยัง
อธิบายลักษณะวงโคจรของยูเรนัสได้ ไม่สมบูรณ์นักดังนั้น
นักดาราศาสตร์จึงตั้งสมมติฐานว่า ระบบสุริยะอาจจะมี
ดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งอยู่นอกวงโคจรของเนปจูน เรียก
ดาวเคราะห์ X
Tombaugh รู้ว่าการสังเกตดูด้วยกล้องโทรทรรศน์คง
ไม่ใช่วิธีที่จะพบดาวเคราะห์ X ได้ เพราะดาวจะโคจรช้ามาก
และปรากฏเป็นจุดสว่างขนาดเล็กอยู่ท่ามกลางกลุ่มดาวฤกษ์ที่
สว่างกว่านับหมื่นดวง ดังนั้น เขาจึงวางแผนใช้วิธีถ่ายภาพแทน
ด้วยการบันทึกภาพของดาวต่าง ๆ ในท้องฟ้าในคืนวันหนึ่ง แล้ว
อีก 6 วันต่อมาก็ถ่ายภาพดวงดาวทั้งฟ้าอีก ถ้าจุดสว่างมัว ๆ
จุดใดเคลื่อนที่ จุดนั้นคือ ดาวเคราะห์ X การจะเห็นจึงต้องใช้
สมาธิระดับสุดยอด เพราะในสมัยนั้นนักดาราศาสตร์ยังไม่มี
คอมพิวเตอร์ใช้ และการบันทึกภาพด้วยกล้องดิจิตอลก็ยังไม่มี
ดังนั้น Tombaugh จึงต้องท�
ำงานอย่างมุ่งมั่นและทุ่มเทติดต่อ
กันนานถึง 3 ปี
จนในที่สุดก็ได้พบว่า ที่บริเวณใกล้ดาวฤกษ์ Delta
Geminorum มีจุดสว่างขนาดเล็กจุดหนึ่ง ซึ่งได้เลื่อนต�
ำแหน่ง
ไปเล็กน้อย ในขณะที่จุดสว่างจุดอื่น ๆ ไม่เลื่อนต�
ำแหน่งเลย
ผลการพบดาวเคราะห์ X ท�
ำให้ Tombaugh มีชื่อเสียงโด่งดังไป
ทั่วโลก ที่เมือง Burdett รัฐ Kansas ซึ่งเป็นเมืองที่ Tombaugh
ใช้ชีวิตในวัยเด็ก อาจารย์ใหญ่ Charles Dilley ได้จัดหาทุนให้
Tombaugh ได้ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย Kansas
เมื่ออายุ 28 ปี Tombaugh ได้เข้าพิธีสมรสกับ Patricia
Edson และเรียนจบปริญญาตรีเมื่ออายุ 30 ปี จากนั้นอีก 3 ปี
ก็จบปริญญาโท ครอบครัว Tombaugh มีลูกสาวชื่อ Annette
ในปี ค.ศ. 1940 และอีก 5 ปีต่อมาก็มีลูกชายชื่อ Alden แม้จะมี
ชื่อเสียง และถูกกดดัน แต่ Tombaugh ก็ไม่เปลี่ยนนิสัยหรือ
บุคลิกภาพ ไม่เย่อหยิ่ง เป็นคนติดดิน และยังเป็น Tombaugh คนเดิม
จาก Kansas ครอบครัว Tombaugh ได้ย้ายไปอยู่ที่
เมือง Las Cruces ใน New Mexico เพราะได้งานออกแบบ
สร้างกล้องโทรทรรศน์เพื่อใช้ติดตามจรวดน�
ำวิถีของกองทัพอากาศ
ที่บริษัท White Sands Missile Range ถึงปี ค.ศ. 1955 ก็ได้ไปเป็น
อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย New Mexico State ในเมือง Las Cruces
ที่มา:
https://blogs.nasa.gov/ivv/2015/07/23/the-pluto-mission-high-fives-for-a-resounding-success/
ml