

60
นิตยสาร สสวท
ข้อมูลเพิ่มเติม
bit.ly/199-4เฉล
ค�
ำถามฉบับที่ 199
การสร้างวินัยเป็นผลส�
ำเร็จของ
การเอาชนะใจตนเอง
ต่าย แสนซน
ต่ายถามคุณๆ เอาไว้ว่า ตดใช้เป็นตัวชี้วัดบอกถึง
สาเหตุของโรคร้ายได้หรือไม่ ณ เวลานี้ ค�
ำตอบก็คือ การใช้ตด
(fart) เพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดบอกถึง
สาเหตุของโรคร้ายได้ และฉบับนี้ ไม่มีคนตอบถูกเลย ต่ายขอ
แสดงความเสียใจด้วยอย่างที่สุด
จากเรื่องที่ต่ายเล่ามา ต่ายอยากจะถามว่า คุณ
ทราบหรือไม่ว่า มีศาสนาใดบ้างที่มีประเพณีการอดอาหาร
(Fasting)
เมื่อคุณๆ หาค�
ำตอบได้แล้ว ก็ส่งมาให้ต่ายได้ที่
funny_rabbit@live.co.ukภายในวันที่
4 กรกฎาคม 2559
โดยต้องใส่ที่อยู่ที่จะให้จัดส่งของรางวัลของคุณมาให้เรียบร้อย
และถ้าคุณอยากให้ต่ายส่งสื่อเล็กๆ น้อยๆ จาก สสวท. ไป
ให้โรงเรียน (นอกเหนือจากของรางวัลที่จะได้รับ) ต่ายรบกวน
ช่วยเขียนชื่อโรงเรียนที่คุณอยากให้ต่ายส่งของไปให้มาให้ต่าย
ด้วย เพื่อที่โรงเรียนจะได้น�
ำไปใช้ในการเรียนการสอนได้ เฉลย
ค�
ำถามนี้สามารถติดตามอ่านได้ในฉบับที่ 201 จ้า
ในทางตรงกันข้าม กลุ่มคนที่กินอาหารเช้าเมื่อออก
ก�
ำลังกาย จะมีการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้
กินอาหารเช้า
ภาพที่ 3
ระดับการใช้พลังงานจากการออกก�
ำลังกาย ของกลุ่มที่กินอาหารเช้า
และกลุ่มที่ไม่กินอาหารเช้า (ที่มา NewScientist Magazine, March 26 - April
1, 2016, หน้า 40)
จากข้อมูลดังกล่าว ท�
ำให้เกิดการถกเถียงเรื่อง
ความส�
ำคัญของอาหารเช้า นักวิทยาศาสตร์หลายส�
ำนักได้
ตั้งข้อสังเกตว่า จิต หรือวิธีคิดน่าจะส่งผลโดยตรงต่อร่างกาย
เช่น ถ้าคุณๆ คิดว่า อาหารเช้าส�
ำคัญมากๆ และถ้าวันไหนคุณ
ไม่กินอาหารเช้า คุณก็จะรู้สึกกระวนกระวาย และอยากกิน
ระดับฮอร์โมนความหิวก็จะเพิ่มสูงขึ้นปรี๊ด (ดังภาพที่ 1) แต่ถ้า
คุณคิดว่า มันก็แค่อาหารเช้า ระดับฮอร์โมนก็จะค่อยๆ เพิ่ม
สูงขึ้นแบบในกลุ่มที่ไม่ได้กินอาหารเช้า (ในภาพที่ 1)
ในประเด็นเรื่อง ความอ้วนต่ายเชื่อว่า เป็นผลมาจาก
ความอยากกิน และกินเกินความต้องการของร่ างกาย
ซึ่งความอยาก เป็นผลมาจากความคิดอันเนื่องมาจากสิ่งเร้า
รอบตัวนั่นเอง ^_^ ดังนั้น ถ้าคุณๆ ไม่อยากอ้วน อยากมี
สุขภาพดี คุณๆ ต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาที่
มักจะชักชวนให้ คุณออกไปซื้อ ออกไปกิน และคุณๆ
ยังต้องอาศัยการปรับพฤติกรรมการกินอาหารให้พอดีกับ
ความต้องการของร่างกายเพิ่มเข้ามาอีกด้วย
ส่ วน เ รื่อ ง ข้ อถก เ ถีย ง
เกี่ยวกับเรื่องอาหารเช้า ณ เวลานี้
ก็ยัง ไม่ ไ ด้ ข้ อสรุปแบบถูกต้ อง
100% เราก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า
นักวิทยาศาสตร์จะพยายามออกแบบ
วิธีการศึกษาและทดลอง เพื่อมาอธิบาย
ในเรื่องนี้กันอย่างไรในอนาคต
