

6
นิตยสาร สสวท
ภาพ 6
โครงการศึกษาทดลองการแก้ปัญหาดินเปรี้ยว
อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ อ�ำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก
ที่มา
http://www.dnp.go.th/planing/special_project/2545/Central/ DinPrew.htmวิธีการปรับปรุงดิน
เมื่อแกล้งดินเสร็จแล้ว ต่อไปก็ต้องมีวิธีการปรับปรุงดินให้ดีขึ้น โดยมีหลายวิธีการดังนี้
1.
ใช้ปูน เช่น ปูนขาว ปูนมาร์ล เปลือกหอยบด หรือหินปูนฝุ่น ใส่ลงไปในดินประมาณ 1-3 ตันต่อไร่ แล้วผสมให้เข้ากัน
ปูนซึ่งเป็นเบสจะท�ำปฏิกริยาสะเทินกับกรดก�ำมะถันในดิน ท�ำให้ดินมีสภาพเป็นกลาง
2.
ใช้น�้ำชะล้างกรดในดินโดยตรง วิธีการนี้ใช้เวลานานกว่าวิธีใช้ปูน แต่ได้ผลเหมือนกัน
3.
ยกร่องเพื่อปลูกพืชไร่ ไม้ผล หรือไม้ยืนต้น โดยต้องมีแหล่งน�้ำอยู่ข้างๆ เพื่อถ่ายเทน�้ำได้ ถ้าน�้ำในร่องเป็นกรด
เมื่อใช้น�้ำชะล้างกรดบนสันร่อง กรดจะถูกน�้ำชะไปยังคูที่อยู่ด้านข้าง แล้วระบายออกไป และต้องค�ำนึงถึงการเกิด
น�้ำท่วมในพื้นที่ด้วย ถ้ามีโอกาสน�้ำจะท่วม ก็ไม่ควรใช้วิธีนี้
4.
ควบคุมระดับน�้ำใต้ดิน ไม่ให้ต�่ำกว่า 1 เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ดินชั้นล่างแห้ง หรือท�ำปฎิกริยากับออกซิเจน ซึ่งควร
จะต้องมีแหล่งน�้ำจากระบบชลประทานเข้ามาช่วย
5.
ใช้พืชพันธุ์ที่ทนทานต่อความเป็นกรดมาปลูกในดินเปรี้ยว เช่น มะม่วง มะขาม กระท้อน ขนุน ฝรั่ง ยูคาลิปตัส
สะเดา อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม "โครงการแกล้งดิน" ไม่ได้สิ้นสุดลงเฉพาะที่
จังหวัดนราธิวาสเท่านั้น แต่ยังได้น�ำไปใช้กับจังหวัดอื่นๆ ด้วย โดยในปี
พ.ศ. 2535 ได้มีการน�ำไปใช้ในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน�้ำปากพนัง
อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นที่บางส่วน
ของจังหวัดพัทลุง และจังหวัดสงขลา และโครงการพัฒนาพื้นที่
พรุแฆแฆ อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ อ�ำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
และในปีพ.ศ. 2541 ได้น�ำมาใช้กับโครงการศึกษาทดลองการแก้ปัญหา
ดินเปรี้ยว อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ อ�ำเภอบ้านนา จังหวัด
นครนายก ดังนั้นโครงการนี้ จึงเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์ให้แก่
ราษฎรทั่วประเทศ
แกล้งดินท�ำอย่างไร
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ ได้ศึกษาวิจัยและปรับปรุงดิน โดยวิธีการ
"แกล้งดิน" คือ การท�ำดินให้เปรี้ยวจัดหรือเป็นกรดมากที่สุด ด้วยการท�ำให้ดินเปียกและแห้งสลับกันไป โดยการทดน�้ำ
เข้าแปลงทดลองระยะหนึ่งแล้วระบายน�้ำออก เพื่อท�ำให้ดินแห้งเป็นระยะเวลาหนึ่งสลับกัน เท่ากับเป็นการกระตุ้น
ให้ดินมีความเป็นกรดยิ่งขึ้น โดยอาศัยหลักการนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงให้เลียนแบบ
สภาพความเป็นไปในธรรมชาติ ที่มีฤดูแล้งและฤดูฝนสลับกันไป โดยปล่อยให้ดินแห้ง 1 เดือน และขังน�้ำให้ดินเปียก
นาน 2 เดือน สลับกันไป จึงเกิดภาวะดินแห้งและดินเปียก 4 รอบ ใน 1 ปี เสมือนกับมีฤดูแล้งและฤดูฝน 4 ครั้ง
ในเวลา 1 ปี หลังจากที่เสร็จกระบวนการนี้แล้วจึงหาวิธีการปรับปรุงดินให้ดีขึ้น