Table of Contents Table of Contents
Previous Page  12 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 12 / 62 Next Page
Page Background

12

นิตยสาร สสวท

รูปที่ 5

เกาะ Pingelapประเทศไมโครนีเซีย

ที่มา

:

http://www.bbc.com/news/magazine-34346428

รูปที่ 4

ประชากรแมวน�้ำช้างประมาณ 171,000 ตัวในปี ค.ศ. 2005

ที่มา

:

https://en.wikipedia.org/wiki/Northern_elephant_seal

ดังนั้นมันจึงได้รับการอนุรักษ์โดยรัฐบาลของเม็กซิโก

และสหรัฐอเมริการ่วมกัน ส่งผลให้ประชากรแมวน�้ำช้าง

เพิ่มจนมีจ�ำนวนกว่า100,000 ตัวในปี ค.ศ. 2005 และจาก

จ�ำนวนที่เพิ่มนี้ได้ส่งผลให้แมวน�้ำช้างถูกจัดสถานภาพของ

ชนิดพันธุ์อยู่ในกลุ่มที่น่ากังวลน้อยที่สุด (LC: Least Concern

ซึ่งหมายถึงว่า ชนิดพันธุ์ที่ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มใกล้

สูญพันธุ์เต็มที่ กลุ่มใกล้สูญพันธุ์ กลุ่มที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์

หรือกลุ่มใกล้ถูกคุกคาม) แต่นักวิจัยกลับพบว่าประชากร

ที่เพิ่มขึ้นมีความหลากหลายทางพันธุกรรมค่อนข้างต�่ำมาก

เมื่อเทียบกับประชากรแมวน�้ำช้างซีกโลกใต้ (

M. leonina

)

นี่เป็นผลของการที่แมวน�้ำช้างซีกโลกเหนือมีประชากร

เริ่มต้นที่มีขนาดเล็ก เนื่องจากการล่าของมนุษย์ จึงมีความ

หลากหลายของแอลลีลเริ่มต้นที่ต�่ำ ส่งผลให้ความหลากหลาย

ทางพันธุกรรมของประชากรในรุ่นต่อๆ มาต�่ำตามไปด้วย

(ในขณะที่แมวน�้ำช้างซีกโลกใต้ซึ่งเคยผ่านการถูกล่ามาแล้ว

เช่นกันแต่ไม่ได้มีจ�ำนวนลดลง จนเป็นปรากฏการณ์คอขวด

จึงมีความหลากหลายของแอลลีลเริ่มต้นที่สูงกว่า) และ

จากความหลากหลายที่น้อยนี้เองแมวน�้ำช้างซีกโลกเหนือ

จึงถูกจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจสูญพันธุ์ได้

ประชากรมนุษย์บนเกาะ Pingelap ในประเทศไมโครนีเซีย

ถ้าเกิดโรคระบาด หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม

เนื่องจากมันอาจไม่มีปัจจัยที่สามารถช่วยให้สามารถด�ำรง

ชีวิตต่อไปได้ ในขณะที่แมวน�้ำช้างซีกโลกใต้อาจมีลักษณะ

ดังกล่าวในกลุ่มประชากรเนื่องจากมีความหลากหลายทาง

พันธุกรรมที่มากกว่า ซึ่งแมวน�้ำช้างซีกโลกเหนืออาจถือเป็น

ตัวอย่างของผลที่เกิดจากปรากฏการณ์คอขวดที่ท�ำให้ความถี่

แอลลีลของประชากรเปลี่ยนแปลงไป จนมีความหลากหลาย

ทางพันธุกรรมลดลง แม้ว่าจ�ำนวนประชากรจะเพิ่มในเวลา

ต่อมาก็ตาม

ประชากรมนุษย์บนเกาะ Pingelap ในประเทศ

ไมโครนีเซีย เคยประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่นชื่อ Liengkieki ใน

ปี ค.ศ. 1775 โดยพายุดังกล่าวได้สังหารประชากรไปเกือบ

หมดบนเกาะ และผู้คนที่เหลือรอดชีวิตได้อดอยากล้มตาย

ไปอีกจ�ำนวนหนึ่ง เหลือประชากรที่รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน

(บางแหล่งข้อมูลกล่าวถึงการเหลือรอดเพียง 20 คนเท่านั้น)

โดยหนึ่งในผู้รอดชีวิตนั้นคือ Nahnmwarki Mwanenised ซึ่ง

เป็นผู้มีแอลลีลที่ก่อโรค achromatopsia หรือโรค total color

blindness ซึ่งเป็นแอลลีลด้อยที่อยู่บนโครโมโซมร่างกาย

และโรคที่เกิดเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม

โดยผู้ป่วยจะมีอาการตาบอดทุกสี หรือมองเห็นทุกสีเป็นสี

ขาวกับด�ำ ในเวลาต่อมาได้มีการพบว่าประชากรบนเกาะ

Pingelap เป็นพาหะของโรค achromatopsia ถึงร้อยละ 30 ด้วย

และผู้ที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวมีประมาณร้อยละ 10 ของ

ประชากรบนเกาะ ซึ่งนับว่ามากกว่ากลุ่มประชากรอื่นๆ เช่น

ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะพบผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 1 ใน

33,000 คนเท่านั้นเอง (ต�่ำกว่าร้อยละ 0.01) เหตุการณ์นี้

เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผลกระทบจากปรากฏการณ์คอขวด

ซึ่งท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่แอลลีลแบบสุ่มร่วมกับ

การลดขนาดของประชากรลงอย่างรวดเร็ว (โดยอาจมีการ

แต่งงานกันในบรรดาเครือญาติ (in breeding) ในรุ่นต้นๆ

ของการเพิ่มจ�ำนวนประชากรด้วย) จึงท�ำให้ความถี่ของแอลลีล

ที่ก่อโรค achromatopsia ในกลุ่มประชากรมีค่าสูงขึ้น ส่งผลให้

ประชากรบนเกาะมีสัดส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคดังกล่าวสูงกว่า

ที่พบในกลุ่มประชากรอื่น