

4
นิตยสาร สสวท.
การศึกษา
มีจุดมุ่งหมายหลักก็คือ การถ่ายทอดความรู้จากคนรุ่น
หนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง และเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชน
รุ่นถัดไป เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถนำ
�ความรู้ที่มีอยู่
ในยุคนั้น ๆ มาประยุกต์ใช้ในการดำ
�เนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และเพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นกำ
�ลังสำ
�คัญในการสืบเสาะหาความ
รู้ใหม่ ๆ เพื่อการพัฒนาความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป
ด้วยเหตุนี้การดำ
�เนินชีวิตของมนุษย์เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว จึงแตกต่าง
จากปัจจุบันเป็นอย่างมาก มีการสร้างบ้านเรือนที่แข็งแรงขึ้น ทำ
�ให้
ชีวิตความเป็นอยู่มีความปลอดภัยมากขึ้น มีการสร้างรถและเครื่อง
บินเพื่อใช้เป็นพาหนะในการเคลื่อนที่ ทำ
�ให้การเดินทางไปยังสถาน
ที่ต่าง ๆ มีความสะดวกรวดเร็วขึ้น ในขณะที่สิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ยัง
คงมีพฤติกรรมการดำ
�เนินชีวิตที่ไม่แตกต่างจากบรรพบุรุษมากนัก นก
กระจิบและนกกระจอกยังคงใช้กิ่งไม้และเศษหญ้าทำ
�รัง ไม่ว่าจะผ่าน
มากี่หมื่นกี่พันปีก็ตาม เสือยังคงไล่ล่าสัตว์อื่น เพื่อเป็นอาหารด้วยการ
วิ่ง จะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่ามนุษย์จะมีสัญชาตญาณบางประการด้อยกว่า
สัตว์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การดมกลิ่น การได้ยิน การมองเห็น การรับ
รู้ทิศทาง และการรับรู้อุณหภูมิ แต่มนุษย์ก็มีสิ่งที่เหนือกว่าสัตว์ชนิด
อื่น ๆ นั่นคือ ความสามารถในการเรียนรู้ การพัฒนาองค์ความรู้และ
การถ่ายทอดความรู้ให้กับลูกหลานในรุ่นต่อ ๆ ไป
มนุษย์ได้มีการศึกษาทางด้านศาสตร์การสอนและทฤษฎีการ
เรียนรู้มาอย่างยาวนาน แต่เพิ่งจะมีการศึกษาอย่างจริงจังและเป็น
ระบบในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น กอปรกับการเรียนรู้ของมนุษย์
นั้น มีความสลับซับซ้อนและมีตัวแปรที่เกี่ยวข้องจำ
�นวนมาก ทำ
�ให้
องค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนนั้นยังมีไม่มาก และนักการ
ศึกษาเองก็ยังไม่สามารถหาทฤษฎีที่ดีที่สุดที่สามารถอธิบายการเรียน
รู้ของมนุษย์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
�และครอบคลุมทุกตัวแปรที่เป็น
ไปได้ ดังนั้นผมจึงอยากให้ท่านผู้อ่านมีสติอยู่เสมอว่า
การเรียนการ
สอนที่ยึดติดกับทฤษฎีการเรียนรู้ทฤษฏีใดทฤษฎีหนึ่งมากจนเกิน
ไปอาจจะไม่ส่งผลดีเทียบเท่ากับการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้
หลาย ๆ ทฤษฎีเข้าด้วยกัน
นอกจากนี้แล้วผมอยากให้ท่านผู้อ่าน
คิดอยู่เสมอว่า
การเรียนรู้ของมนุษย์นั้นขึ้นกับสภาพแวดล้อมรอบ
ตัวและลักษณะของเนื้อหาวิชาที่กำ
�ลังศึกษาด้วย
ดังนั้นเพื่อให้การ
ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด จำ
�เป็นที่
จะต้องใช้ประสบการณ์ของท่านผู้อ่านมาร่วมในการคิดและตัดสินใจ
เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ที่ท่านผู้อ่านเผชิญอยู่ ในวงการทางการ
ศึกษาจะมีคำ
�ศัพท์คำ
�หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์นี้คือ
ความรู้
ความสามารถในการสอนเนื้อหาใดเนื้อหาหนึ่ง (Pedagogical
Content Knowledge: PCK)
แนวคิดนี้ก็คือ ความสามารถในการ
สอนเนื้อหาใดเนื้อหาหนึ่งนั้น จัดว่าเป็นความสามารถเฉพาะบุคคลที่
ต้องใช้ความรู้ทั้งทางด้านเนื้อหา ด้านศาสตร์การสอน ประสบการณ์
ในการสอน ความรู้เกี่ยวกับตัวนักเรียนและสิ่งแวดล้อมมาประกอบ
รูป 2 โมเดลการทำ
�งานของสมองแบบคู่หน่วยความจำ
�
การทำ
�งานของสมองตามโมเดลแบบคู่หน่วยความจำ
�นี้ จะ
ประกอบไปด้วยสามส่วนหลัก โดยส่วนแรกคือ
หน่วยรับข้อมูลจาก
ประสาทสัมผัส (Sensory Register)
จะทำ
�หน้าที่รับข้อมูลจาก
ภายนอกในรูปแบบของการมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรับรส
และการสัมผัส แล้วส่งไปยังหน่วยประมวลผล โดยหน่วยประมวลผล
จะมีหน่วยความจำ
�สองแบบที่มีหน้าที่และคุณสมบัติที่แตกต่างกันคือ
หน่วยความจำ
�ระยะสั้นหรือหน่วยความจำ
�สำ
�หรับการประมวลผล
(Short-Term/Working Memory)
ในส่วนนี้จะทำ
�หน้าที่ประมวล
ผลข้อมูลที่ได้รับจากหน่วยรับข้อมูลจากประสาทสัมผัส โดยใช้ข้อมูล
จากหน่วยความจำ
�หน่วยที่สองในการตีความ ซึ่งหน่วยความจำ
�หน่วย
ที่สองนี้คือ
หน่วยความจำ
�ระยะยาว (Long-Term Memory)
จะ
มีหน้าที่เก็บข้อมูลที่ระบบสมองได้ทำ
�การพิจารณาแล้วว่าเป็นข้อมูลที่
มีความสำ
�คัญควรค่าแก่การจดจำ
�เพื่อนำ
�มาใช้ในอนาคต
เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น คนที่เข้าใจเนื้อหาเรื่องคลื่นเป็นอย่างดีก็
อาจจะไม่สามารถสอนเรื่องคลื่นให้กับนักเรียนหรือบุคคลอื่นได้ หาก
เขาไม่ทราบว่าจะต้องสอนหรืออธิบายอย่างไร และคนที่เข้าใจทฤษฎี
การเรียนรู้เป็นอย่างดีก็ไม่สามารถที่จะสอนเรื่องคลื่นให้กับนักเรียน
ได้ หากเขาไม่มีความรู้ความเข้าใจในตัวทฤษฎีที่เกี่ยวกับเรื่องคลื่น
อย่างเพียงพอ
ทฤษฎีการเรียนรู้ที่ผมจะนำ
�เสนอในบทความนี้มาจากแนวความ
คิดของกลุ่มนักจิตวิทยาที่ทำ
�การศึกษาเกี่ยวกับการทำ
�งานของระบบ
สมองที่เรียกว่า
ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลผล
ข้อมูล (Information Processing Theory)
โดยนักจิตวิทยา
กลุ่มนี้ได้มีการนำ
�เสนอโมเดลที่อธิบายการทำ
�งานของระบบสมอง
มนุษย์อยู่หลากหลายโมเดล
แต่โมเดลที่ได้รับการยอมรับมากก็คือ
โมเดลการทำ
�งานของ
สมองแบบคู่หน่วยความจำ
� (A Dual Store Model of Memory)
ที่นำ
�เสนอโดย ริชาร์ด แอทคินสัน (Richard Atkinson) และ ริชาร์ด
ซิฟฟริน (Richard Shiffrin) โมเดลนี้สามารถแสดงได้ดังรูป 2