

54
นิตยสาร สสวท.
วิชา เรขาคณิตที่มีสมการพีชคณิตก�
ำกับ ได้ ช่ วยให้
นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์การเคลื่อนที่ทุกรูปแบบได้ เพราะเวลา
มีสมการ เทคนิคทางคณิตศาสตร์สามารถแสดงได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าเรายิงกระสุนให้มีความเร็วมากขึ้น โดยไม่ต้องทดลองยิงจริง
การที่ Descartes น�
ำเทคนิคพีชคณิตมาใช้ในเรขาคณิต
ท�
ำให้เห็นสมบัติเชิงเรขาคณิตของรูปทรงต่างๆ ชัด ผลงานนี้นับ
เป็นผลงานที่จีรังยั่งยืนที่สุด
แม้ Pierre de Fermat จะคิดวิชาเรขาคณิตวิเคราะห์ได้ก่อน
Descartes แต่ de Fermat ก็มิได้ตีพิมพ์ผลงานของตน ดังนั้น
เกียรติในการสร้างวิชาเรขาคณิตวิเคราะห์จึงเป็นของ Descartes
แต่เพียงผู้เดียว
ปัจจุบันทุกคนที่ใช้กราฟ หรือใช้แผนที่ในการเดินทางล้วนใช้
ประโยชน์ของวิชาเรขาคณิตวิเคราะห์ที่มี Descartes เป็นผู้ให้ก�
ำเนิด
ผลงานของ Descartes นี้นับว่ายืนยงยิ่งกว่าผลงานอื่น ๆ ทั้งหมด
ในปี ค.ศ.1649 ชื่อเสียงของ Descartes ได้แพร่กระจายไปทั่ว
ยุโรปว่าเป็นนักปรัชญา นักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่
ที่สุดของยุโรปชื่อเสียงนี้ได้ท�
ำให้สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดนทรงเชิญ
ให้ Descartes เป็นพระอาจารย์ในพระองค์ และเป็นผู้บริหารของ
สถาบันSwedishAcademyof Scienceหลังจากที่สมเด็จพระราชินี
Christina ซึ่งมีพระชนมายุ 23 พรรษาทรงรบเร้าเชิญ Descartes
มาร่วมท�
ำงานกับนักวิชาการที่กรุง StockholmในสวีเดนDescartes
จึงตกลงใจรับค�
ำเชิญ และพระราชินี Christina ได้ทรงส่งเรือมารับ
Descartes ไปสวีเดน ทั้ง ๆ ที่เป็นฤดูหนาว แต่สมเด็จพระราชินีก็ไม่
ทรงเอื้ออาทร เพราะทรงขอให้ Descartes ตื่นแต่เช้าตรู่มาถวาย
พระอักษรด้านปรัชญาแด่พระนางสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ตั้งแต่เวลา
ตี 5 จนถึงเวลา 11 โมงเช้า
ด้วยสุขภาพที่ไม่แข็งแรง และอากาศที่หนาวจัด Descartes
ได้ล้มป่วยเป็นโรคปอดบวม และเสียชีวิตที่ Stockholm เมื่อ
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1650
Descartes เชื่อว่า ความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติสามารถ
อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ (ธรรมชาติในที่นี้ Descartes
หมายความถึงมนุษย์ด้วย) แต่การเป็นคนชอบความสันโดษ และ
ชอบเก็บอารมณ์ ท�
ำให้บางคนคิดว่า Descartes เป็นคนที่
ต่อต้านการมีความรู้สึกผูกพันกับใคร และต่อต้านสังคม แต่
Descartes มีลูกสาวลับคนหนึ่งชื่อ Francine ซึ่ง Descartes
รักมาก และแม่ของเด็ก คือ คนรับใช้ของ Descartes นั่นเอง
ในปี ค.ศ. 1640 ที่เด็กคนนี้เสียชีวิตด้วยโรคด�
ำแดง Descartes
ได้เรียบเรียงหนังสือเล่มหนึ่ง โดยให้ชื่อของเธอปรากฏที่หน้าหนึ่ง
ของหนังสือนั้น แต่ไม่มีการกล่าวถึงชื่อแม่เธอแต่อย่างใด
ผลงานวิทยาศาสตร์อื่นของ Descartes ที่ส�
ำคัญ คือการพบ
ว่า แสงมีสมบัติเป็นคลื่น และวิธีวิเคราะห์ความคลาดเชิงทรงกลม
(spherical aberration) ของเลนส์หรือกระจกโค้งที่มีขนาดใหญ่
จนท�
ำให้เลนส์หรือกระจกโค้งไม่สามารถโฟกัสแสงได้ ในปี ค.ศ.
1611 Descartes ได้เรียบเรียงต�
ำรา “On the Rays of Sight
and Light” ซึ่งกล่าวถึงที่มาของรุ้งกินน�้
ำชนิด ปฐมภูมิ และทุติยภูมิ
ส�
ำหรับรุ้ งปฐมภูมินั้น Marco Antonio de Dominis
ได้อธิบายว่าเกิดจากการสะท้อนของรังสีในหยดน�้
ำเพียงครั้ง
เดียว แล้วหักเหออก ส่วน Descartes ได้อธิบายสาเหตุการเกิด
รุ้งทุติยภูมิว่า เกิดจากการสะท้อนของรังสีในหยดน�้
ำสองครั้ง
แล้วหักเหออก Descartes ได้พบอีกว่า สารต่างชนิดกันมีความ
สามารถในการรับและคายความร้อนได้ดีไม่เท่ากัน นี่คือความรู้
เรื่องความร้อนจ�
ำเพาะที่นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันรู้จักดี
ขณะพ�
ำนักในฮอลแลนด์ Descartes ได้รู้จักนักวิทยาศาสตร์
ที่มีชื่อเสียงหลายคน และได้วิจัยทัศนศาสตร์หลายเรื่อง เช่น
พบกฎการหักเหของแสง ในเวลาไล่เรี่ยกับ Williebrord Snell
พบว่าเลนส์ตาคนมีบทบาทในการท�
ำให้เห็นภาพ ส�
ำหรับผลงาน
ด้านอุตุนิยมวิทยานั้น ต�
ำรา Les Météores ของ Descartes
ก็มีส่วนช่วยให้ Robert Boyle พบกฎของ Boyle และเมื่อต�
ำรา
Le Monde ou Traité de la Lumière ที่ Descartes
เขียนเกี่ยวกับวิชาธรณีวิทยามีเนื้อหาบางตอนขัดแย้งกับค�
ำสอน
ในคริสต์ศาสนา Descartes ได้ยับยั้งการตีพิมพ์ เพราะจ�
ำได้ว่า
Galileo เคยถูกจับกุมด้วยข้อหาต�
ำหนิค�
ำสอนของศาสนาหลาย
เรื่อง จะอย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้ ได้ปรากฏในบรรณโลก
หลังจากที่ Descartes ได้เสียชีวิตไปแล้ว
Descartes เชื่อว่ากลศาสตร์ที่มีคณิตศาสตร์เสริมสามารถ
อธิบายเหตุการณ์ทางฟิสิกส์ได้ แต่ Descartes ไม่เชื่อเรื่องแรง
โน้มถ่วงของนิวตัน โดยให้เหตุผลว่า ถ้าวัตถุอยู่ห่างกัน แรง
ระหว่างวัตถุไม่น่าจะมี และ Descartes เชื่อว่า ในกรณี
ดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ เพราะถูกกระแสคลื่น ether
ในอวกาศผลัก โดย ether ท�
ำหน้าที่เป็นตัวกลางให้แสงอาทิตย์
เดินทางถึงโลก