

นิตยสาร สสวท.
50ิ
ติต
บรรณานุกรม
สงกรานต์ จิตสุกริภากร. The 7 Habits of Highly Effective People
สืบค้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558, จาก.
https://www.stephencovey.com/7habits/7habits.php,
http://www.prachasan.com/bookread/The8thHabit.pdf.
ผู้มีคุณลักษณะทั้ง 7 ข้อข้างต้น ถือได้ว่าเป็นผู้มีประสิทธิผลในการท�
ำงานสูง สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อื่นได้
(Role model) และจะเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration) ให้กับผู้อื่นได้ปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนตนเอง พยายาม
ปฏิบัติอย่างสม�่
ำเสมอจนเป็นนิสัย ซึ่งเป็นการสร้างภาวะผู้น�
ำตนเองขั้นพื้นฐานส่วนบุคคล ที่จะน�
ำไปสู่การพัฒนาส่วนรวมอื่น ๆ ต่อไป เช่น
การพัฒนาองค์กร ซึ่งจะน�
ำไปสู่การสร้างอุปนิสัยที่ 8 The 8th Habit from Effectiveness to Greatness จากประสิทธิผลสู่
ความยิ่งใหญ่ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระตุ้นให้เราค้นหาพลังและศักยภาพที่แฝงอยู่ภายในตัวเรา ซึ่งยังไม่ได้รับการปลดปล่อยออกมา
พลังหรือศักยภาพเช่นนี้ Steven R. Covey เรียกว่า “เสียง” ซึ่งหมายถึง การที่เราจะแสดงวิสัยทัศน์ ความคิดเห็น ความสามารถ
ในการสื่อสารให้ผู้อื่นเห็นและคล้อยตาม ถือเป็นภาวะส�
ำคัญของผู้น�
ำองค์กร ซึ่งจะต้องเข้าใจในความต้องการของผู้อื่นก่อน ก่อน
จะน�
ำสิ่งเหล่ านั้นไปประยุกต์ ใช้ และสร้ างให้ เกิดประสิทธิผลในการบริหารองค์ กรและพนักงานในภาพรวมต่ อไป
การได้ลองปฏิบัติ แล้วรู้สึกเกิดความภาคภูมิใจ และมีความสุข ก็นับว่าประสบความส�
ำเร็จแล้ว หวังว่าการแบ่งปันความรู้เรื่องการ
พัฒนาตนเองในครั้งนี้ คงจะเกิดประโยชน์แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย ลองน�
ำไปปฏิบัติกันดู เพื่อประโยชน์ต่อตัวเองและองค์กรของท่าน
ต่อไป
5. เข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงให้ผู้อื่นเข้าใจเรา (seek first
to understand, then to be understood)
อุปนิสัยข้อนี้ คือการที่เราจะต้องมีความพยายามเข้าใจคนอื่น
ก่อน เพราะการพยายามเข้าใจคนอื่นนั้นง่ายกว่าการที่จะท�
ำให้
คนอื่นมาเข้าใจเรา หลักการที่จะท�
ำให้เราเข้าใจคนอื่นได้ง่ายนั้น
จะต้ อง เริ่มต้ นด้ วยกา รฟั ง คือฟั งอย่ า งพยายามท�
ำ
ความเข้าใจ ฟังอย่างเห็นอกเห็นใจ (empathic listening) เมื่อ
เราเข้าใจเขา เราก็จะรู้ว่าเขาคิดอย่างไร มีพื้นฐานอย่างไร
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว การที่เราจะพูดเพื่อให้เขาเข้าใจในส่วนของ
เราก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
6. ผนึกพลังประสานความต่าง (synergy)
เมื่อใดก็ตามที่คนเรามีโอกาสได้ร่วมท�
ำงานร่วมกับผู้อื่น ก็ควร
จะต้องยอมรับในความแตกต่างของการท�
ำงานของผู้อื่นด้วย ทั้ง
ความคิดและวิธีการ พยายามมองว่าความแตกต่างนั้นน่าจะ
มีประโยชน์มากกว่าโทษ และน�
ำข้อดีของความแตกต่างนั้นมาใช้
ประโยชน์ให้มากที่สุด โดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและ
เรียนรู้ด้วยกันเพื่อท�
ำให้เกิดการพัฒนาการท�
ำงานที่ดีขึ้น
7. ฝึกฝนตนเองให้พร้อมเสมอ (sharpen the saw)
เมื่อคนเรามีความรู้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่เราก็ควรจะต้อง
ขวนขวายหาความรู้ ใส่ตัวอยู่ตลอดเวลา เรียนรู้วิธีการคิด
การปฏิบัติ จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว หากเมื่อใดที่
หยุดคิดและหยุดพัฒนาตนเอง ก็เหมือนกับคนที่ไร้ค่า ไม่รู้สึก
อยากได้ใคร่ดี คนอื่นก้าวแซงหน้าเราไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่
เรายังยืนอยู่ที่เดิม ฉะนั้น จึงต้องพยายามฝึกฝนพัฒนาตัวเราเอง
เสมอ ด้วยวิธีการง่าย ๆ ดังนี้
7.1)
ดูแลสุขภาพทางกาย
เมื่อสุขภาพร่างกายแข็งแรง
จะคิด จะท�
ำอะไรก็สะดวกสบาย ไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะมีปัญหา
ทางกายมาบั่นทอนการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ
7.2)
บ�
ำรุงสมอง
โดยการอ่านหนังสือ ฟังสัมมนา ดูรายการ
ที่มีสาระเพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้
7.3)
ดูแลสุขภาพทางใจ
เช่น การนั่งสมาธิ ฟังเพลงที่ชอบ
ท�
ำจิตใจให้สงบ ไม่ฟุ้งซ่าน
7.4)
พัฒนาอารมณ์
รู้จักจัดการอารมณ์ตนเองอย่างเหมาะสม
รู้จักอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่น เข้ากับคนอื่นได้ง่าย โดยเฉพาะ
ความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดและคนในครอบครัว