Previous Page  6 / 61 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 6 / 61 Next Page
Page Background

นิตยสาร สสวท.

6

2.การเกิดภาพจากการสะท้อนของกระจกโค้ง

กระจกโค้งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผิวโค้งทรงกลมมีอยู่

2 แบบขึ้นกับด้านที่เป็นผิวสะท้อนแสง คือ กระจกเว้าและ

กระจกนูน ดูรูปที่ 6 ค�

ำอธิบายการเกิดภาพจากกระจกโค้ง

อาจจะไม่ง่ายเหมือนกับกรณีของกระจกเงาราบ แต่ไม่ยากเกิน

ที่ท่านจะเข้าใจได้ ลองมาดูกัน

เริ่มจากการที่ท่านต้องรู้จักกับค�

ำศัพท์ต่างๆ ที่ใช้ในการอธิบายการเกิดภาพส�

ำหรับกระจกโค้ง ดังต่อไปนี้

การเขียนทางเดินแสงเพื่อศึกษาลักษณะการเกิดภาพจาก

กระจกโค้งเว้า ดูรูปที่ 7

• ศูนย์กลางความโค้งของกระจก (C) หรือจุดศูนย์กลางทรงกลมที่มีรัศมี R ที่พิจารณาเป็นส่วนของกระจกโค้ง

• รัศมีความโค้งของกระจก (R)

• จุดยอดของกระจก (V)

• เส้นแกนมุขส�

ำคัญ คือ เส้นตรงที่ลากผ่านจุดศูนย์กลางความโค้งของกระจก (C) และ จุดยอด (V)

• จุดโฟกัส (F) คือ จุดตัดกันของรังสีสะท้อนจากรังสีตกกระทบ (ผิวกระจก) ที่ขนานและไม่ห่างกับแกนมุขส�

ำคัญมากนัก

• ความยาวโฟกัส คือ ระยะทางจากจุดโฟกัส (F) ถึง จุดยอด (V) โดยปกติจะมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของค่ารัศมีความโค้งของกระจก

1. ลากรังสีเส้นที่หนึ่งจากหัวลูกศร ขนานกับแกนมุข

ส�

ำคัญไปชนผิวกระจก จะได้รังสีสะท้อนผ่านจุด

โฟกัส (F)

2.ลากรังสีเส้นที่สองจากหัวลูกศร ผ่านจุดโฟกัส (F)

ไปชนผิวกระจก จะได้รังสีสะท้อนที่ขนานกับแกน

มุขส�

ำคัญ

3. ลากรังสีเส้นที่สามจากหัวลูกศร ผ่านจุดศูนย์กลาง

ความโค้ง (C) ไปชนผิวกระจก จะได้รังสีสะท้อน

ที่มีทิศทางย้อนกลับทางเดิม

4. ลากรังสีจากส่วนฐานของวัตถุไม่ตามแกนมุขส�

ำคัญ

ไปชนผิวกระจก จะได้รังสีสะท้อนกลับทางเดิม

5. จุดที่รังสีสะท้อนทั้ง 3 ข้อตัดกัน คือ จุดที่เกิดภาพ

รูปที่ 6 ซ้าย กระจกเว้า จุดโฟกัสอยู่ด้านหน้ากระจก ขวา กระจกนูน จุดโฟกัสอยู่ด้านหลังกระจก

รูปที่ 7 ภาพแสดงการเขียนทางเดินแสงเพื่อแสดงการเกิดภาพจากกระจกโค้งเว้า

( ที่มา

http://pirun.ku.ac.th/~fscijsw/

Light&device/ light/image/a23.gif )