

54
นิตยสาร สสวท.
ส่วน Newton ซึ่งสนใจกลศาสตร์เป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องการ
เคลื่อนที่ก็ตระหนักเช่นกันว่า ในการหาความเร็วของอนุภาค เขาต้องหา
ค่าของระยะทางที่เปลี่ยนไปในช่วงเวลาที่น้อยมาก ส่วนการหาความเร่ง
ของอนุภาคก็เช่นกัน เขาต้องรู้ความเร็วที่เปลี่ยนไป ในช่วงเวลาที่น้อยมาก
ซึ่งวิธีคำ
�นวณค่าต่าง ๆ ในลักษณะนี้ Newton เรียกว่า fluxion จากนั้น
ก็ได้ใช้วิธี fluxion แก้ปัญหากลศาสตร์ เช่น การเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์
รอบดวงอาทิตย์ แต่เพราะ Newton เป็นคนที่ชอบระแวงว่า ความคิด
ของตนจะถูกคนอื่นขโมย จึงไม่ได้ตีพิมพ์เรื่องนี้ และเก็บวิธีคำ
�นวณที่คิด
ได้เองเป็นเทคนิคส่วนตัว
ในปี ค.ศ. 1673 ที่ Leibniz อยู่ที่ลอนดอน Leibniz ได้นำ
�ผล
งานแคลคูลัสของตนให้ Henry Oldenburg ผู้เป็นเลขาธิการของ
The Royal Society ดู ซึ่งได้ทำ
�ให้Oldenburg ผงะ เพราะสิ่งที่Leibniz
เรียก calculus นั้น Newton เรียก fluxion ดังนั้นเมื่อ Newton ได้เห็น
ผลงานตีพิมพ์ของ Leibniz ในปีค.ศ. 1684 Newton จึงได้โจมตีLeibniz
ว่า แอบขโมยความคิดของ Newton ไป แล้วแอบอ้างว่าเป็นความคิดของ
Leibniz เอง Leibniz ได้ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งขัน และย้ำ
�ว่าไม่เคยเห็น
หรืออ่านงานfluxion ของ Newton เลยนอกจากนี้สัญลักษณ์ต่าง ๆที่ตน
ใช้ใน calculus นั้น ก็ไม่เหมือนกับของ Newton เช่น Leibniz ได้เสนอว่า
เวลา A คูณกับ B ให้เขียน A . B แทนที่จะเขียน A x B เพราะจะทำ
�ให้เข้าใจ
ไขว้เขวว่า x ที่เขียนนั้นเป็น X หรือในกรณี X . X Leibniz ก็ได้เสนอให้ใช้
X
2
และใช้เครื่องหมาย
∫
แทนการบวกปริมาณน้อย ๆ เพราะเครื่องหมาย
นี้มีรูปเหมือนอักษร s ที่มาจาก sum ซึ่งแปลว่า บวก การใช้สัญลักษณ์ที่
กระชับ รัดกุม และสื่อความหมายดีนี้ ทำ
�ให้การวิจัยของนักคณิตศาสตร์
ในยุโรปก้าวหน้ากว่านักคณิตศาสตร์อังกฤษที่ยึดติดกับสัญลักษณ์งุ่มง่าม
ที่ Newton ใช้ โดยไม่ยอมเปลี่ยนเพราะเกรงกลัวบารมีของ Newton
เมื่อเกิดการวิวาทระหว่าง Leibniz กับ Newton ผู้มีตำ
�แหน่งเป็น
ถึงนายกของ The Royal Society และเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้มีอิทธิพล
มากที่สุดในโลก บรรดาเพื่อนฝูง และลูกศิษย์ของ Newton ต่างก็ออกมา
สนับสนุน Newton และกล่าวหาว่า Leibniz ลอบขโมยความคิดของ
Newton ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เดินทางมาเยือนลอนดอนในปีค.ศ. 1673 การโต้
เถียงได้ขยายขอบเขตไปอย่างกว้างขวางจนเป็นประเด็นการพิพาทระดับ
ชาติระหว่างเยอรมนีกับอังกฤษ
ในที่สุดก็ไม่มีใครยอมใคร แต่Leibniz มีพรรคพวกสนับสนุนน้อยกว่า
จึงตกเป็นฝ่ายถูกประณาม และถูกเกลียดชังโดยคนอังกฤษทั้งประเทศ
และทั้ง Leibniz กับ Newton ต่างก็ได้จบชีวิตไปโดยไม่รู้ความจริง
ณ วันนี้ นักประวัติคณิตศาสตร์ได้เห็นพ้องกันว่า Leibniz และ
Newton สร้างแคลคูลัสขึ้นมาโดยไม่มีใครลอกเลียนใคร และ Newton
สร้างได้ก่อน Leibniz ประมาณ 10 ปี (แต่ไม่ตีพิมพ์) ส่วน Leibniz ได้ตี
พิมพ์ในปี ค.ศ. 1684
Leibniz เริ่มชีวิตทำ
�งานเป็นข้าราชการ เมื่ออายุ 30 ปี ในตำ
�แหน่ง
บรรณารักษ์ในพระราชวังของกษัตริย์แห่ง Brunswick งานนี้ได้ทำ
�ให้
Leibniz สนใจประวัติของตระกูล Brunswick และต้องการสนับสนุนให้
นักวิทยาศาสตร์แลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างเสรีจึงได้จัดตั้ง Academy of
Sciences ขึ้นในเยอรมนี เพื่อเป็นศูนย์กลางให้นักวิชาการได้รับรู้วิทยาการ
ใหม่ ๆ และเล่าเรื่องการค้นพบใหม่ ๆ สู่กันฟัง ซึ่งการจัดตั้ง Academy นี้
อาจเป็นผลมาจากการต้องต่อสู้อย่างขมขื่นกับ Newton ก็เป็นได้
ตามปกติ Leibniz เป็นคนชอบแก้ไขปัญหาชีวิตและชอบใช้ชีวิต
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ดังนั้นจึงไม่ชอบชีวิตอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
เลย เพราะคิดว่าเป็นชีวิตที่ “เงียบ” ตัว Leibniz ชอบเดินทางด้วยรถม้า
ไปตามที่ต่าง ๆ ที่มีกรณีพิพาท เพราะมีอาชีพเป็นนักกฎหมายที่ชอบเขียน
บันทึกความทรงจำ
�ต่าง ๆ ทุกวันนี้ รายงานเหล่านั้นก็ยังมีอยู่
ในบั้นปลายชีวิต Leibniz ซึ่งเป็นคนโสด มีสุขภาพไม่ดีเพราะเป็น
เก๊าท์ และเป็นโรคซึมเศร้า เพราะถูกสังคมต่อต้าน ได้จบชีวิตลงอย่างไม่มี
ใครเหลียวมองที่ Hannover เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ.1716
ในงานศพไม่มีบุคคลสำ
�คัญคนใดมาร่วมพิธี แม้สมาชิกของสถาบัน
Berlin Academy ที่ Leibniz จัดตั้งก็ไม่รู้ข่าวการเสียชีวิตของ Leibniz
จะมีก็แต่เลขานุการส่วนตัวของ Leibniz เท่านั้นที่มาในพิธีอาลัย
ในช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ Leibniz ในฐานะนักปรัชญาเคยกล่าวว่า
“ไม่มีอะไรสำ
�คัญกว่าการได้เห็นต้นกำ
�เนิดของสิ่งประดิษฐ์ เพราะต้นกำ
�เนิด
นี้น่าสนใจยิ่งกว่าสิ่งประดิษฐ์เอง”
ในหนังสือ Leibniz: A Biography โดย E. J. Aiton ที่จัดพิมพ์โดย
AdamHilger ในปีค.ศ. 1985 Aiton ได้กล่าวถึง Leibniz ว่าเป็นอัจฉริยะ
ด้านบรรณารักษ์ศาสตร์ นักการทูต วิศวกร นักประดิษฐ์ กวี นักการเมือง
และนักคณิตศาสตร์ ผู้มีผลงานเขียนมากมายทั้งในเรื่อง การเล่นแร่แปร
ธาตุ มานุษยวิทยา พลศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์
ภาษาศาสตร์ ตรรกวิทยา คณิตศาสตร์ ปรัชญา ศาสนา และนักออกแบบ
เหรียญกษาปณ์จึงสมควรเป็นuniversalgenie ตัวจริง ผู้มีชีวิตเพื่อทำ
�งาน
และทำ
�งานทุกเรื่องอย่างได้ผล เพราะรู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ แม้จะ
ต้องคอยเรือ หรือพักกลางทางตามโรงเตี๊ยม Leibniz ก็จะใช้เวลา “ว่าง”
เขียนสูตรคณิตศาสตร์ หรือเขียนความคิดด้านปรัชญา
ในมุมมองของ Bertrand Russell นั้น Leibniz ชอบใช้ชีวิตในสังคม
ชั้นสูง ไม่ชอบชีวิตในสังคมมหาวิทยาลัย อาจจะเป็นเพราะถูกปฏิเสธ
ตำ
�แหน่งศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุ 21 ปี จึงต้องหาผู้อุปถัมภ์ที่มีฐานันดร
ศักดิ์สูง เช่น Baron Johann von Boineburg และ Duke Johann
Friedrich of Hannover มาสนับสนุนการทำ
�งานวิทยาศาสตร์ และ
โครงการวัฒนธรรมของตน แต่Russell คิดว่า Leibniz มิได้ประสบความ
สำ
�เร็จในการทำ
�งานในระดับลึกมาก เพราะเขาสนใจเรื่องต่าง ๆ มากเกิน
ไป จนไม่มีเวลาทุ่มเทให้กับงานด้านใดเป็นพิเศษ
หนังสือเล่มนี้มิได้กล่าวถึงชีวิตส่วนตัวของ Leibniz มาก เพียงแต่บอก
ว่า Leibniz เคยคิดจะแต่งงานกับ Eledress Sophie แห่งเมือง Han-
nover ผู้เป็นเพื่อนสนิทของ Leibniz และเคยเปรียบ Leibniz ว่าเป็น
เสมือนผึ้งที่สามารถหาน้ำ
�หวานได้ทุกหนแห่ง สำ
�หรับสตรีสูงศักดิ์อีกท่าน
หนึ่งชื่อ Queen Sophie Charlotte ซึ่งเมื่อพระนางเสียชีวิต การจาก
ไปของนางได้ทำ
�ให้ Leibniz ล้มป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จนเสียชีวิตในที่สุด