

1. สะเต็มศึกษา คืออะไร
สะเต็มศึกษา เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่มีการ
บูรณาการ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์
โดยที่การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาจะต้องมี
การบูรณาการพฤติกรรมที่ต้องการหรือคาดหวังให้เกิดขึ้นกับ
ผู้เรียนเข้ากับการเรียนรู้เนื้อหาด้วย พฤติกรรมเหล่านี้ รวมถึง
การกระตุ้นให้เกิดความสนใจในการสืบเสาะหาความรู้ การ
ส�
ำรวจตรวจสอบ การคิดอย่างมีเหตุมีผลในเชิงตรรกะ รวม
ถึงทักษะของการเรียนรู้หรือการท�
ำงานแบบร่วมมือ ดังนั้น
จะพบว่าสะเต็มศึกษาไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เป็นการจัดการ
เรียนรู้ที่ส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์
ทั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นให้สามารถน�
ำความรู้ ทักษะ และประสบการณ์
จากการเรียนรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง เป็นประโยชน์ต่อการ
ด�
ำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพในอนาคต
2. นักเรียนกลุ่มใดที่ควรได้รับการพัฒนาตาม
แนวทางของสะเต็มศึกษา
นักเรียนทุกคนสามารถได้รับการพัฒนาตามแนวทางของ
สะเต็มศึกษา เพราะสะเต็มศึกษาออกแบบมาเพื่อเพิ่มความ
เชี่ยวชาญส�
ำหรับนักเรียนทุกคนในทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มจ�
ำนวน
นักเรียนที่ได้รับการเตรียมความพร้อมอย่างเหมาะสมส�
ำหรับ
การศึกษาและงานอาชีพทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม
หรือคณิตศาสตร์ ทั้งนี้เนื่องด้วยการศึกษาตามแนวทางสะเต็ม
ศึกษามีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมแก่ผู้เรียนทั้งเพื่อการ
ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นและเพื่อการอาชีพในศตวรรษที่ 21
3. โรงเรียนจะน�
ำสะเต็มศึกษาสู่การปฏิบัติได้
อย่างไร และสามารถน�
ำไปจัดเรียนรู้ในเวลาเรียน
ปกติได้หรือไม่
โรงเรียนสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องตาม
แนวทางของสะเต็มศึกษาได้หลายรูปแบบ ซึ่งอาจเป็นกิจกรรม
ที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนในกรณีที่กิจกรรมนั้นใช้ระยะเวลาไม่มาก
หรือถ้ากิจกรรมนั้นใช้ระยะเวลามากอาจมอบหมายให้ท�
ำนอก
ชั้นเรียนร่วมด้วยก็ได้ซึ่งอาจอยู่ในรูปของการมอบหมายให้
ออกแบบชิ้นงานกลุ่ม หรือในรูปของโครงงานก็ได้ โดยมีการ
ก�
ำหนดประเด็นปัญหาหรือหัวข้อที่สามารถเชื่อมโยงสู่การบู
รณาการความรู้ของเนื้อหาที่มีความสอดคล้องกับเนื้อหาบท
เรียนตามความเหมาะสม เนื่องจากความรู้พื้นฐานของการ
ศึกษาตามแนวทางสะเต็มศึกษา คือเนื้อหาสาระตามหลักสูตร
แกนกลางนั่นเอง ซึ่งครูควรจะยึดเนื้อหาสาระหลักนั้นเป็นฐาน
ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่น�
ำไปสู่การแก้ปัญหาใน
สิ่งแวดล้อม สถานการณ์ เหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์ที่เกิด
ขึ้นในชีวิตจริง
ดังนั้นการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาสามารถ
จัดให้มีความเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่มีการจัดการเรียนรู้ในชั่วโมง
เรียนปกติได้ และการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษา
ไม่ได้เข้าไปแทนที่หรือเพิ่มเติมจนเป็นส่วนเกินของหลักสูตร
กล่าวคือการจัดการเรียนรู้จะกลมกลืนและมีความเหมาะสม
กับการจัดการเรียนรู้ในเนื้อหาวิชา เนื่องจากสะเต็มศึกษา
เป็นการส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมหรือโครงงานที่มุ่ง
แก้ไขปัญหาที่พบเห็นในชีวิตจริง เพื่อฝึกประสบการณ์ ก่อให้
เกิดความคิดสร้างสรรค์ และอาจน�
ำไปสู่การสร้างนวัตกรรม
4. มีการก�
ำหนดมาตรฐานในการวัดผลการ
เรียนรู้ตามแนวทางของสะเต็มศึกษาหรือไม่
ในขณะที่ยังไม่มีแนวทางการวัดผลตามแนวทางสะเต็ม
ศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นกรอบที่ถูกน�
ำมาใช้ในการวัด
และประเมินผลยังคงเป็นแนวความคิดหลักของวิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี หลายท่านอาจเกิดความสงสัย
ว่าเพราะเหตุใดโรงเรียนจึงต้องน�
ำแนวทางการจัดการเรียนรู้
สะเต็มศึกษาไปใช้ในเมื่อยังไม่มีค�
ำอธิบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้
แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากกระทรวงมีนโยบายให้โรงเรียนมี
การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาอย่างชัดเจนแล้ว
คงต้องมีแนวทางหรือตัวอย่างในการประเมินผลที่ชัดเจนขึ้น
อย่างแน่นอน แต่ในเบื้องต้นถ้าโรงเรียนใดมีการฝึกปฏิบัติ
ตามแนวทางของสะเต็มศึกษาอย่างแท้จริงแล้วท�
ำให้นักเรียน
มีคุณลักษณะทั้งทางทักษะและแนวความคิดหลักต่าง ๆ ที่
สามารถวัดและประเมินผลได้ ก็สามารถก�
ำหนดเป็นแนวทาง
ของการวัดและประเมินผลเพิ่มเติมได้
นิตยสาร สสวท.
4