

จริง ๆ แล้วขั้นตอนเหล่านี้เชื่อมโยงกันตลอดเวลา ดังจะเห็น
ได้จาก การประเมินผล (ส่วนที่ 3) ที่ปกติเราจะนึกถึงการใช้
การประเมินผลส�
าหรับประเมินข้อมูลที่เก็บได้หลังจากการ
ทดลอง ในที่นี้การประเมินผลมีความหมายกว้างกว่านั้น โดยที่
นักเรียนต้องใช้การประเมินผลในทุก ๆ ส่วนของแนวปฏิบัติทาง
วิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เช่น นักเรียนร่วมกับเพื่อนๆ ต้อง
ร่วมกัน วิเคราะห์ วิจารณ์ อภิปราย โต้แย้ง ค�
าถามที่สร้างขึ้น
ว่าน่าสนใจเพียงใด เป็นค�
าถามที่สามารถหาค�
าตอบได้ด้วยวิธี
ใด เมื่อออกแบบการทดลองก็ต้องมาวิเคราะห์ถึงข้อดีข้อด้อย
ของวิธีการทดลองนั้น ๆ นักเรียนต้องใช้ทักษะการประเมินผล
นี้ไปในทุก ๆ ขั้นตอนจนกระทั่งได้ค�
าตอบ หรือแนวทางการ
แก้ปัญหาทางวิศวกรรมที่ต้องการ
บทสรุป
ถ้าจะให้ตอบค�
าถามว่ามีอะไรใหม่ในแนวปฏิบัติทาง
วิทยาศาสตร์และวิศวกรรม ค�
าตอบสั้น ๆ ก็คือ
“ไม่”
สิ่งที่
ปรากฏอยู่ในแนวปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่
สภาวิจัยแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาได้น�
าเสนอขึ้นมานั้น ไม่ได้
มีอะไรแปลกใหม่ให้นักวิชาการ ครูและนักเรียนต้องตระหนก
ตกใจไปแต่อย่างใด ในทางกลับกัน แนวปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์
และวิศวกรรมกลับมีความคล้ายคลึงกับกระบวนการสืบเสาะ
หาความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก
ถึงแม้ค�
าว่า Inquiry เหมือนจะถูกละทิ้งไปในมาตรฐาน
วิทยาศาสตร์ศึกษายุคใหม่นี้ แต่หัวใจและกระบวนการ
จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะก็ไม่ได้หายไปไหน แนวปฏิบัติทาง
วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่สร้างขึ้นใหม่นี้ยังคงไว้ซึ่งหัวใจ
หลักของกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ แต่แนว
ปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่ถูกน�
าเสนอขึ้นมาใหม่
นี้ได้เพิ่มส่วนของ กระบวนการวิเคราะห์ วิจารณ์ โต้แย้ง ใน
ทุก ๆ ขั้นตอนของการสร้างองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และ
แก้ปัญหาทางวิศวกรรม อีกทั้งยังให้ความส�
าคัญของการใช้
แบบจ�
าลองทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมในห้องเรียนมาก
ยิ่งขึ้น สภาวิจัยแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาเสนอแนวปฏิบัติ
ทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมนี้โดยจงใจหลีกเลี่ยงการใช้ค�
า
ว่า Inquiry ก็เพื่อขจัดความสับสนที่เกิดขึ้นจากเทคนิควิธีการ
สอนวิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะ (Inquiry-Based Instruction)
ที่มีอยู่มากมาย ให้มีความเข้าใจตรงกัน และเชื่อมโยงแนว
ปฏิบัติทางวิศวกรรมเข้าสู่แนวปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้
มีการจัดการเรียนรู้ส�
าหรับนักเรียนในศตวรรษที่ 21 ได้อย่าง
มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
บรรณานุกรม
National Research Council. (1996).
National science education
standards
. Washington, DC: National Academies Press.
National Research Council. (2000).
Inquiry and the National
Science Education Standards: A guide for teaching and
learning
. Washington, DC: National Academies Press.
National Research Council. (2012).
A Framework for K-12
Science Education: Practices, Crosscutting Concepts, and
Core Ideas.
Washington, DC: National Academies Press.
National Research Council. (2013).
Next Generation Science
Standards: For States, By States
. Washington, DC: The
National Academies Press.
ส�
านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. กระทรวงศึกษาธิการ.
(2551).
ตัวชี้วัดและสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง กลุ่มสำระ
กำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้น
พื้นฐำน พุทธศักรำช 2551
. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมชน
สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ�
ากัด.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2549).
เอกสำร
ประกอบกำรประชุมปฏิบัติกำรเผยแพร่ขยำยผลและอบรมรูปแบบ
กำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้แบบวัฏจักรกำรสืบเสำะหำควำมรู้ 5
ขั้นตอน เพื่อ พัฒนำกระบวนกำรคิดระดับสูง
. กรุงเทพมหานคร:
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
ปีที่ 42 ฉบับที่ 186 มกราคม - กุมภาพันธ์ 2557
9