Previous Page  44 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 44 / 62 Next Page
Page Background

44

นิตยสาร สสวท.

ช่างท�

ำนาฬิกาจากแคว้นยอร์กเชียร์ก็สามารถประดิษฐ์นาฬิกาเดิน

เรือที่ชื่อ H1 ที่มีความแม่นย�

ำขึ้นมาได้ โดยเขาได้ดัดแปลงกลไก

การใช้ลูกตุ้มแกว่งของนาฬิกาบก มาเป็นการใช้ตุ้มดัมเบลล์โลหะ

สองลูกเชื่อมต่อกันแทน พร้อมทั้งได้ปรับกลไกของเฟืองด้วยการ

ใช้ซี่โลหะรูปร่างคล้ายขาตั๊กแตนมาบังคับการหมุน ท�

ำให้นาฬิกา

H1 ของเขาสามารถบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงที่สุดเท่าที่มีการ

สร้างมา แม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับความแม่นย�

ำที่จะได้รับรางวัล

ก็ตาม อย่างไรก็ดี John Harrison ก็ยังได้รับเงินรางวัลปลอบใจ

จากรัฐบาลอังกฤษเป็นจ�

ำนวน 500 ปอนด์ เพื่อเป็นทุนในการ

พัฒนานาฬิกา H1 ให้แม่นย�

ำขึ้น จนในที่สุดเขาก็สามารถผลิต

นาฬิกาเดินเรือขนาดเล็กที่มีกลไกแบบนาฬิกาข้อมือซึ่งใช้สปริง

เป็นกลไกในการควบคุมเวลาซึ่งเรียกว่า H4 และสามารถรักษา

ความเที่ยงตรงได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิ ความชื้น

แรงเสียดทานหรือแม้แต่การเคลื่อนที่ของเรือ ท�

ำให้เขาได้รับเงิน

รางวัลที่เหลือไปในที่สุด ซึ่งพิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์แห่งนี้ก็ได้จัด

แสดงนาฬิกาเดินเรือรุ่นต่าง ๆ ของ

John Harrison ตั้งแต่รุ่น H1 ถึง

H4 ให้ผู้ชมได้เห็นถึงวิวัฒนาการ

และความพยายามของนักประดิษฐ์

ท่านนี้อีกด้วย

วิวัฒนาการนาฬิกาเดินเรือของ John Harrison รุ่น H1-H4

รายละเอียดขั้นตอนของการพัฒนานาฬิกาที่สามารถบอก

เวลาในสภาพต่าง ๆ โดยเฉพาะในระหว่างการเดินเรือได้อย่าง

เที่ยงตรงที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์แห่งนี้ ท�

ำให้เราเห็น

ว่ากว่าที่นักประดิษฐ์จะคิดค้นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพอย่าง

ที่เราใช้กันในปัจจุบัน ก็ต้องผ่านการคิดแก้ปัญหาลองผิดลอง

ถูกกันเป็นเวลายาวนาน ซึ่งหลังจากที่ John Harrison สามารถ

พัฒนาต้นแบบของนาฬิกาพกหรือนาฬิกาข้อมือในปัจจุบันได้

แล้ว นิทรรศการประวัติศาสตร์การสร้างเครี่องมือบอกเวลาก็ยัง

มีการแสดงวิทยาการใหม่ ๆ ที่ให้ความแม่นย�

ำในการบอกเวลา

มากขึ้น อาทิ การใช้เครื่องสั่นอิเล็กทรอนิกส์ของผลึกแร่ควอตซ์

การวัดเวลาด้วยอะตอม และเทคโนโลยีล่าสุดคือการยิงเลเซอร์

ไปวัดคาบการสั่นของอนุภาคอิออนเดี่ยวในสนามของแรงซึ่ง

สามารถให้ความละเอียดแม่นย�

ำในระดับผิดพลาดเพียงแค่ 1

วินาทีในหนึ่งร้อยล้านปี

นอกจากเรื่องราวสนุก ๆ ของการคิดค้นเครื่องมือบอกเวลา

ต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์ที่หอดูดาวกรีนิชนี้

ยังมีการจัดแสดงนาฬิกาแดดรูปปลาโลมาที่ใช้เงาของหางปลา

คอยชี้บอกเวลา รวมทั้งนาฬิกาโบราณที่มีเลขบนหน้าปัดตั้งแต่

0 ถึง 23 ชั่วโมงแสดงให้ดูอีกด้วย

นาฬิกาแดดรูปปลาโลมา นาฬิกา 24 ชั่วโมง

ในส่วนด้านข้างของอาคาร Flamsteed House ก็ยังมีการ

แสดงห้องมืดส�

ำหรับสังเกตการณ์ที่เรียกว่า Camera Obscura

ซึ่งอาศัยหลักการสะท้อนแสงผ่านกระจกและเลนส์ project ภาพ

สะท้อนผ่านรูแคบ ๆ บริเวณโดมของตัวอาคารซึ่งปิดทึบและมืด

สนิทส่องลงบนโต๊ะที่ตั้งไว้กลางห้อง โดยภาพที่ปรากฏบนโต๊ะ

นั้นจะเป็นภาพสะท้อนของอาคาร Queen’s House ซึ่งตั้งอยู่

อีกฟากถนนหนึ่ง ท�

ำให้ผู้ชมสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกิด

ขึ้นภายนอกได้ แม้จะอยู่ใน

ห้องที่ปิดมิดชิด หลักการของ

Camera Obscura นี้ถือเป็นต้น

ก�

ำเนิดของกล้องถ่ายรูปที่ใช้

กันในปัจจุบัน แสดงให้เห็น

ถึงความคิดสร้างสรรค์ในการ

เล่นกับหลักการสะท้อนของ

แสงผ่านกระจกและเลนส์มา

ประยุกต์ใช้ในการช่วยการมอง

เห็นวิธีต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจ

ทางเข้า Camera Obscura