Previous Page  53 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 53 / 62 Next Page
Page Background

53

ปีที่ 42 ฉบับที่ 188 พฤษภาคม - มิถุนายน 2557

ก่อนที่ Shechtman จะพบของแข็งที่มีสมมาตร “ประหลาด” นี้

ต�

ำราฟิสิกส์ และต�

ำราเคมีทุกเล่มในโลกต่างก็ระบุชัดว่า ของแข็ง

ในธรรมชาติมีโครงสร้าง 2 รูปแบบ คือ แบบอสัณฐาน และแบบผลึก

ในกรณีอสัณฐานนั้น อะตอมต่าง ๆ จะอยู่กันอย่างไม่เป็นระเบียบ

แต่ในผลึก อะตอมหรือกลุ่มอะตอมจะอยู่กันอย่างเป็นระเบียบ

คือ มีสมมาตร (symmetry) เช่น ถ้าน�

ำแผ่นกระเบื้องที่เป็น

รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า (มุมภายในเท่ากับ 60°) มาวางเรียง

เราก็จะพบว่ากระเบื้องจะปกคลุมพื้นได้มิดชิดพอดี โดยไม่มี

ที่ว่างเลย เราเรียกว่า พื้นมีสมมาตรทบ 3 (threefold symmetry)

ไม่เพียงแต่กระเบื้องรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าเท่านั้นที่ปูพื้น

ได้มิดสนิท กระเบื้องสี่เหลี่ยมด้านเท่า และ หกเหลี่ยมด้านเท่า

ก็สามารถปูพื้นได้มิดสนิทเช่นกัน พื้นจึงมีสมมาตรทบ 4 และทบ 6

แต่เราจะพบว่า กระเบื้อง 5 เหลี่ยมด้านเท่าไม่สามารถปูพื้นให้

มิดสนิทได้ ดังนั้นต�

ำราวิชาการก่อนปี 1984 จึงระบุว่าสมมาตร

ทบ 5 ไม่มี

เมื่อสิ่งที่ Shechtman พบมีสมมาตรทบ 10 (คือ สมมาตรทบ 5

สองเท่า) ดังนั้นปัญหาที่ต้องคิดต่อไป คือ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้

อย่างไร และอะตอมต่าง ๆ ในของแข็งที่ Shechtman สังเคราะห์

จัดเรียงตัวอย่างไร

ในการตอบค�

ำถามนี้ นักคณิตศาสตร์ชื่อ Roger Penrose แห่ง

มหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษซึ่งสนใจการปูพื้นด้วยกระเบื้องรูป

ห้าเหลี่ยมด้านเท่าปะปนกับรูปสิบเหลี่ยมด้านเท่า ( Penrose ไม่ได้

สนใจเรื่องผลึก) โดย Penrose ได้ความคิดนี้จากการศึกษาศิลปะของ

ชาวอาหรับที่นิยมตกแต่งตามผนังของมหาวิหาร Alhambra ที่เมือง

Granada ในสเปนและนักคณิตศาสตร์ในปัจจุบันรู้จักการจัดกระเบื้อง

ในลักษณะนี้ว่า การปูพื้นแบบเพนโรส (Penrose tiling)

ด้านนักผลึกวิทยาชื่อ AlanMackey มีจินตนาการว่า ถ้าอะตอม

ปรากฏอยู่ที่ทุกมุมของกระเบื้อง Penrose ภาพการเลี้ยวเบนที่

เกิดจากการจัดเรียงอะตอมแบบนี้จะแสดงวงกลมที่มีสมมาตรทบ 10

ส�

ำหรับ Paul Steinhardt แห่งมหาวิทยาลัย Pennsylvania กับศิษย์

ชื่อ Dov Levine ก็ได้ใช้การจัดเรียงอะตอมบนกระเบื้อง Penrose

ค�

ำนวณพบว่า รูปแบบของการเลี้ยวเบนที่เกิดขึ้นจะสอดคล้องกับ

ผลการทดลองของ Shechtman ที่มีสมมาตรทบ 5 และสมมาตรทบ 10

ทุกประการ Steinhardt จึงเรียกสิ่งที่ Shechtmanพบว่าผลึกควอไซ

(quasicrystal) เพราะเป็นวัสดุที่มีสมบัติความเป็นระเบียบกลาง ๆ

ระหว่างผลึกกับอสัณฐาน

เขาจึงทดลองยิงโลหะผสมนั้นด้วยล�

ำอิเล็กตรอน เพราะถ้า

ของแข็งเป็นผลึกซึ่งมีอะตอมต่าง ๆ เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ

ผลที่ตามมาคือ ระนาบของอะตอมในของแข็งจะท�

ำหน้าที่เสมือน

เป็นเกรตติง (grating) ซึ่งจะเลี้ยวเบนล�

ำอิเล็กตรอนออกไปใน

ทิศต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ

Shechtman กลับเห็นรูปแบบการเลี้ยวเบนที่ไม่เหมือนสิ่ง

ที่เคยเห็นมาก่ อนเลยในชีวิต คือ เห็นวงกลมซ้ อนกัน

หลายวง และที่เส้นรอบวงเหล่านั้นมีจุดสว่าง 10 จุด ซึ่งแสดงว่า

โครงสร้างของสิ่งที่ Shechtman สังเคราะห์ได้มีสมมาตรทบ 10

(tenfold symmetry) เพราะถ้าเขาหมุนภาพแสดงรูปแบบการ

เลี้ยวเบนไป 360/10 = 36 องศา รูปแบบที่ได้ก็จะเหมือนเดิม

คือไม่เปลี่ยนแปลงเลย เขาได้บันทึกในสมุดทดลองเพียง 2 ค�

ำว่า

“10 fold ???” อันเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความรู้ที่นักวิทยาศาสตร์

มีในขณะนั้นอย่างสิ้นเชิง Shechtman กับคณะจึงได้ทดลองเรื่องนี้

ซ�้

ำอีกนาน 1 สัปดาห์ และทุกครั้งก็ได้ ผลเหมือนเดิม

เขาจึงตัดสินใจบอกเพื่อน ๆ แต่ทุกคนก็แนะน�

ำไม่ให้ Shech-

tman ตีพิมพ์ผลงาน เพราะนั่นจะท�

ำให้นักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ

ลงความเห็นว่าเขาเสียสติและเป็นการฆ่าตัวตายทางวิชาการที่

Shechtman หลงเชื่อในสิ่งที่ต�

ำราระบุว่าเป็นไปไม่ได้ หลายคนจะ

เย้ยหยันสิ่งที่เขา “พบ” และคิดว่าผล “เพี้ยน” นี้เกิดจากความ

สะเพร่าของผู้ทดลองเอง ฯลฯ แม้แต่หัวหน้าห้องปฏิบัติการที่ NIST

ก็ยังขอร้องให้เขาย้ายที่ท�

ำงาน เพราะเขาก�

ำลังน�

ำชื่อเสียมาสู่องค์กร

Shechtman ไม่เชื่อในค�

ำแนะน�

ำ เขาส่งผลงานนี้ไปลงพิมพ์

ในวารสาร Physical Review Letters อันเป็นวารสารฟิสิกส์

ชั้นน�

ำของโลกโดยได้ส่งชื่อของศิษย์ และเพื่อนร่วมงานชื่อ Ilan

Blech แห่ง Technion, John Cahn แห่ง NIST และ Denis

Gratias แห่ง Centre for Metallurgic Chemistry ที่ Vitry ใน

ฝรั่งเศส ในฐานะผู้ร่วมงาน เมื่อผลงานได้รับการเผยแพร่ใน

วารสารฉบับที่ 53 ประจ�

ำเดือนธันวาคม 1984 ที่หน้า 1951-

1953 วงการวัสดุศาสตร์ของโลกซึ่งมีทั้งนักเคมีและนักฟิสิกส์ก็

ระเบิดเพราะทุกคนตื่นเต้นมากเสมือนกับการพบสัญญาณที่เร็วกว่าแสง

และอุณหภูมิที่ต�่

ำกว่าศูนย์องศาสัมบูรณ์

รูปที่ 2 นักผลึกวิทยาชื่อ Alan Mackey (ที่มา :

http://www.unquote.com/IMG/034/257034/

alan-mackay-web.jpg)