Previous Page  50 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 50 / 62 Next Page
Page Background

50

ทั้ง ๆ ที่มีอุปสรรคมากมาย เช่น หาเนื้อเยื่อมาทดลองได้ยาก

(คนไม่เชื่อฝีมือ) ห้องทดลองไม่พร้อมเพรียงด้วยอุปกรณ์ ไม่มีทุน

วิจัยสนับสนุนจากรัฐบาล และถูกสังคมรวมถึงเพื่อนร่วมงานต่อต้าน

เพราะคิดว่าผิดจริยธรรม Edwards ก็ยังเดินหน้าทดลองต่อไป

ในปี ค.ศ.1968 Edwards ก็ประสบความส�

ำเร็จในการท�

ำให้

ไข่มนุษย์ได้รับการปฏิสนธิในหลอดทดลอง

แต่เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปถึงสังคมภายนอกมหาวิทยาลัย

งานวิจัยของ Edwards ก็ได้รับการต่อต้านจากสังคมมาก

เพราะบรรดานักจริยธรรม สถาบันศาสนา สื่อ และประชาชน

ทั่วไปล้วนมีความเห็นว่า การทดลองเรื่องนี้อาจท�

ำให้ได้ทารกที่

พิการ หรือได้เด็กที่มีจิตใจผิดปกติ นอกจากนี้การทดลองยัง

ก้าวก่ายบทบาทในการสร้างมนุษย์ของพระเจ้าด้วย เพราะ Ed-

wards ก�

ำลังพยายามจะเล่นบทบาทเป็นพระเจ้าเสียเอง โดยใช้

เซลล์ตัวอ่อนเป็นวัสดุวิจัย ซึ่งเซลล์ตัวอ่อนนี้ในภายหลังจะเจริญ

เติบโตเป็นมนุษย์ ดังนั้นถ้าตัวอ่อนตาย นั่นคือการฆ่า “คน”

ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ผิดจริยธรรมมาก และเมื่อ Edwards บอกว่า

เขาไม่สามารถรับประกันความปลอดภัย หรือความส�

ำเร็จใด ๆ ได้

100% บรรดานักเคลื่อนไหวทั้งหลายจึงประกาศฟ้อง Edwards

ต่อศาล จนบางวันเขาถูกฟ้องถึง 8 ศาล แต่ทุกศาลก็ตัดสินให้

Edwards ชนะคดีความทุกครั้งไป กระนั้นความกังวลใจที่สังคม

ต่อต้านนี้ ได้ชะลอความก้าวหน้าในการท�

ำงานวิจัยพอสมควร

ในการทดลองระยะแรก ๆ Edwards ไม่ประสพผลส�

ำเร็จเลย

เพราะเซลล์ไข่ที่สุก เมื่อได้รับการปฏิสนธิด้วยเชื้ออสุจิในหลอด

ทดลอง แล้วถูกน�

ำกลับไปฝังในโพรงมดลูก มักไม่ติด จึงไม่มี

การตั้งครรภ์

แต่ Edwards ก็ได้พยายามเปลี่ยนตัวแปรต่าง ๆ จนได้พบว่า

ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุด เขาต้องใช้ไข่ที่สุก ในช่วงเวลาที่สตรีก�

ำลังมี

ประจ�

ำเดือนตามธรรมชาติ และสภาพของสารละลายแวดล้อม

ที่ไข่จะเติบโตต้องเหมาะสม นอกจากนี้เชื้อตัวผู้ก็ต้องแข็งแรง

และสมบูรณ์ด้วย

องค์ความรู้เหล่านี้ได้ช่วยท�

ำให้โลกได้เห็นทารกหลอดแก้ว

เป็นครั้งแรก เมื่อเวลา 11.47 น. ของวันที่ 26 กรกฎาคม

ค.ศ.1978 ทารกเพศหญิงชื่อ Louis Brown ได้ถือก�

ำเนิดที่

Oldham General Hospital ในอังกฤษ ข่าวยิ่งใหญ่นี้ได้ถูกน�

ไปเผยแพร่ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทั่วโลก ท่ามกลางเสียง

วิพากษ์วิจารณ์ซึ่งมีทั้งต่อต้านชื่นชมและวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆนานา

หลังจากประสบความส�

ำเร็จได้ไม่นาน Edwards กับ Steptoe

ก็ได้รับข่าวร้ายว่า ทีมวิจัยของเขาที่ท�

ำงานเรื่องนี้จะไม่ได้รับทุน

สนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษอีกต่อไป ทั้งสองจึงขอทุนวิจัยจาก

องค์กรเอกชน และได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี จึงได้จัดตั้ง

คลินิกเด็กหลอดแก้วที่ Bourn Hall Clinic ในมหาวิทยาลัย

Cambridge ส�

ำหรับฝึกนักชีววิทยา และนักนรีเวชวิทยาจากทั่วโลก

ให้มีความเชี่ยวชาญด้าน IVF เพื่อช่วยสามี-ภรรยาที่น่าสงสาร

ทั่วโลกที่ไม่มีโชคให้มีลูกได้สมหวังเสียที

ในปี ค.ศ.1984 Edwards ได้รับเลือกเป็นสมาชิกของ

The Royal Society (F.R.S. : Fellows Of The Royal Society U.K.)

หลังจากได้ท�

ำงานร่วมกันมานานประมาณ 20 ปี จนประสบ

ความส�

ำเร็จเป็นอย่างดี Steptoe ถึงแก่กรรมในปี ค.ศ.1988 (ถ้ายังมี

ชีวิตอยู่ เขาต้องได้รับรางวัลโนเบลร่วมกับ Edwards อย่างแน่นอน)

ในปี ค.ศ. 2001 Edwards ได้รับรางวัล Albert Lasker

Clinical Medical Research Award ซึ่งวงการแพทย์ถือว่าเป็น

รางวัลที่จะน�

ำไปสู่การยอมรับอย่างสมบูรณ์ นั่นคือรางวัลโนเบล

แล้วความคาดหวังของทุกคนก็เป็นจริง เพราะในวันที่ 4

ตุลาคม ค.ศ.2010 สถาบันโนเบลแห่งสวีเดนได้ประกาศว่า

Edwards คือ ผู้พิชิตรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจ�

ำปี

ค.ศ. 2010 อีกหนึ่งปีต่อมา Edwards ก็ได้รับโปรดเกล้าให้ด�

ำรง

ต�

ำแหน่งเป็น Sir Robert Geoffrey Edwards

ส�

ำหรับการสร้างทายาทด้วยตนเอง (ตามวิธีธรรมชาติ)

นั้น Edwards มีลูกสาว 5 คน และหลาน 12 คน

บรรณานุกรม

Fauser, Bart และ Devroey, Paul. (2011).

Baby – Making:

What the new reproductive treatments mean for family

and society.

Oxford University Press.

(ที่มา

http://i.huffpost.com/gen/1079491/

thumbs/o-ROBERT-G-EDWARDS-facebook.jpg)