Previous Page  32 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 32 / 62 Next Page
Page Background

นิตยสาร สสวท.

32ิ

ถ้ าเริ่มต้นคิดง่ าย ๆ ว่ ามีผู้มาร่ วมงาน 400 คน

มีของขวัญ 40 ชิ้น หนึ่งในนั้นมีสร้อยคอทองค�

ำ 1 เส้น ซึ่งเป็น

ของขวัญชิ้นที่ใหญ่ที่สุดรวมอยู่ด้วย ล�

ำดับในการแจกของขวัญ

จะแจกของชิ้นเล็ก ๆ ที่มีอยู่ 39 ชิ้น ก่อน และปิดท้ายด้วย

สร้อยคอทองค�

ำ โดยประธานจะจับสลากชื่อผู้ร่วมงานขึ้นมาทีละ

หนึ่งชื่อ เมื่อได้ของรางวัลแล้ว จะหมดสิทธ์ที่จะลุ้นรางวัลอื่นต่อ

ไป

ในการหยิบสลากครั้งที่ 1

ผู้ร่วมงานทุกคนมีโอกาสที่

จะได้ของชิ้นนี้เท่า ๆ กัน หรือพูดตามหลักทางคณิตศาสตร์ว่า

ความน่าจะเป็นที่ประธานจะหยิบได้ชื่อของผู้ร่วมงานแต่ละคน

นั้นเท่ากัน ซึ่งเท่ากับ

มาถึงตอนนี้ ผู้ร่วมงานที่มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลชิ้นที่ 2 จะเหลือ

399 คน

ในการหยิบสลากครั้งที่ 2

ผู้ร่วมงาน 399 คน มีโอกาส

ที่จะได้ของชิ้นนี้เท่า ๆ กัน หรือพูดตามหลักทางคณิตศาสตร์

ว่า ความน่าจะเป็นที่ประธานจะหยิบได้ชื่อของผู้ร่วมงานแต่

ละคนที่เหลืออยู่ 399 คน นั้น เท่ากัน ซึ่งเท่ากับ

ตอนนี้ผู้ร่วมงานที่มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลชิ้นที่3 จะเหลือ 398 คน

ในการหยิบสลากครั้งที่ 3

ผู้ร่วมงาน 398 คน มีโอกาส

ที่จะได้ของชิ้นนี้เท่า ๆ กัน หรือพูดตามหลักทางคณิตศาสตร์

ว่า ความน่าจะเป็นที่ประธานจะหยิบได้ชื่อของผู้ร่วมงาน

แต่ละคนที่เหลืออยู่ 398 คน นั้น เท่ากัน ซึ่งเท่ากับ

คิดในท�

ำนองนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงของขวัญชิ้น

สุดท้าย คือ “สร้อยคอทองค�

ำ” ตอนนี้เหลือผู้ร่วมงานที่ยัง

ไม่ได้ของรางวัล 361 คน ท�

ำให้ความน่าจะเป็นที่ประธานจะ

หยิบได้ชื่อของผู้ร่วมงานแต่ละคนที่เหลืออยู่ 361 คน นั้น

เท่ากัน ซึ่งเท่ากับ

ผู้อ่านคงคิดว่า ก็ดูเหมือนยุติธรรมดี ทุกคนที่ยังไม่ได้

ของขวัญ ก็มีสิทธิ์ที่จะได้ของขวัญเท่า ๆ กัน ในทุก ๆ ครั้งที่

จะจับของขวัญชิ้นต่อไป

แต่ถ้าลองคิดดี ๆ การจัดล�

ำดับในการแจกของขวัญ

ในลักษณะนี้ จะเหมือนเป็นการจับสลากชื่อ “ผู้โชคร้าย”

มากกว่าจะเป็นการจับสลากชื่อ “ผู้โชคดี” เพราะการที่เราสุ่ม

หยิบชื่อทีละชื่อที่ดูเหมือนยุติธรรมนี้ เป็นการตัดสิทธิ์ ท�

ำให้

ผู้ร่วมงานคนนั้นกลายเป็นผู้โชคร้าย เพราะจะไม่ได้ทองกลับบ้าน

ไป ท�

ำให้ความน่าจะเป็นที่ผู้ร่วมงานคนนั้นจะได้สร้อยคอทองค�

เป็นศูนย์ แสดงว่าความน่าจะเป็นที่ทุกคนในงาน (ทั้ง 400 คน)

จะได้สร้อยคอทองค�

ำเส้นนี้ไป ไม่เท่ากัน

คิดอีกมุมหนึ่ง ถ้าเราต้องการให้เกิดความยุติธรรมกับทุกคน

ที่มาร่วมงาน โดยเริ่มจากการจับสลากรายชื่อผู้โชคดีคนแรก

มาเพื่อรับของขวัญชิ้นที่ใหญ่ที่สุด แล้วเรียงล�

ำดับของขวัญจาก

ชิ้นใหญ่มาชิ้นเล็ก ในตัวอย่างนี้ คือ เริ่มจากการแจกสร้อยคอ

ทองค�

ำเป็นรางวัลแรก

ในการหยิบสลากครั้งที่ 1

ความน่าจะเป็นที่ประธาน

จะหยิบได้ชื่อของผู้ร่วมงานแต่ละคนนั้นเท่ากัน ซึ่งเท่ากับ นั่น

หมายความว่า ผู้ร่วมงานทุกคนมีโอกาสที่จะได้สร้อยคอทองค�

เท่า ๆ กัน ไม่มีใครเป็นผู้โชคร้าย ตัดสินให้ถูกตัดสิทธิ์เลย ซึ่ง

ทุกคนก็คงพึงพอใจ ที่โอกาสที่เราจะได้ของชิ้นนี้เท่ากับคนอื่น ๆ

ถ้าเราโชคดีก็ได้ของขวัญที่น่าสนใจที่สุดในงานไป เมื่อได้ของ

ขวัญแล้ว เราไม่มีสิทธิ์ลุ้นของขวัญชิ้นต่อไปก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะ

เราได้ของที่ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดมาแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ เราก็มาลุ้นของ

ขวัญชิ้นที่สองที่น่าสนใจรองลงมา ซึ่งตอนนี้เหลือผู้ร่วมงานที่ยัง

ไม่ได้ของขวัญอีก 399 คน และทุกคนก็มีโอกาสที่จะได้ของชิ้น

ที่สองนี้เท่า ๆ กัน

ในการหยิบสลากครั้งที่ 2

ความน่าจะเป็นที่ประธาน

จะหยิบได้ชื่อของผู้ร่วมงานแต่ละคนนั้นเท่ากัน ซึ่งเท่ากับ

ในท�

ำนองเดียวกัน ทุกคนก็คงพึงพอใจ ที่โอกาสที่เราจะได้ของ

ชิ้นนี้เท่ากับคนอื่น ๆ ถ้าโชคดี เราก็จะได้ของขวัญชิ้นนี้ไป เมื่อได้

ของขวัญแล้ว เราไม่มีสิทธิ์ลุ้นของขวัญชิ้นต่อไปก็ไม่รู้สึกอะไร

เพราะเราได้ ของที่ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้นแล้ ว แต่ ถ้ า

ไม่ได้ ก็ลุ้นรางวัลถัดไปเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งของชิ้นสุดท้าย

ถ้าคิดแบบนี้แล้ว จะเห็นว่าน่าจะเป็นการยุติธรรม

ส�

ำหรับทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้

แต่ผู้เขียนเองก็ยังชอบรูปแบบการ “จับสลากของขวัญ”

ที่ให้ของขวัญชิ้นที่ใหญ่ที่สุดเป็นรางวัลสุดท้าย เพราะจะได้

ตื่นเต้น และร่วมกันลุ้นรางวัลกับทุกคนที่มาร่วมงานไปเรื่อย ๆ

จนกว่างานจะเลิก แต่เพื่อความตื่นเต้นและให้ทุกคนที่มาร่วมงาน

ได้มีโอกาสที่จะได้รางวัลใหญ่เท่า ๆ กัน เราอาจเพิ่มเงื่อนไขว่า

เมื่อประธานจะจับสลากชื่อผู้ร่วมงานขึ้นมาทีละหนึ่งชื่อ เมื่อได้

ของรางวัลแล้ว จะหมดสิทธ์ที่จะลุ้นรางวัลอื่น ๆ ยกเว้นรางวัลที่

ใหญ่ที่สุด ที่ยังสามารถมีสิทธิ์กลับมาลุ้นด้วยกันทุกคนอีกครั้งหนึ่ง

(อาจต้องเสียสละของขวัญชิ้นที่ได้มาให้กับคนที่ยังไม่ได้ของขวัญ)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คงขึ้นกับจุดประสงค์ของผู้จัดงานในแต่ละครั้งว่า

ต้องการให้รูปแบบของงานออกมาเป็นอย่างไร คงไม่มีค�

ำว่า

“ถูก” หรือ “ผิด” ส�

ำหรับรูปแบบของการ “จับสลากของขวัญ”

ในงานรื่นเริงแบบนี้ค่ะ

1

399

1

361

1

399