Previous Page  52 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 52 / 62 Next Page
Page Background

นิตยสาร สสวท.

52

Rotblat จึงท�

ำการทดลองนี้ซ�้

ำเพื่อดูว่า ในการแตกตัว

ของนิวเคลียสในแต่ละครั้ง มีอนุภาคนิวตรอนเกิดขึ้นกี่ตัว

เพราะถ้ามีนิวตรอนเกิดขึ้นเพียง 1 ตัว ปฏิกริยานิวเคลียร์

นี้ก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาได้ แต่ถ้า

มีอนุภาคนิวตรอนเกิดขึ้นมากกว่ า 1 ตัว ปฏิกิริยาลูกโซ่

(Chain reaction) ที่สามารถปล่อยพลังงานมหาศาลออก

มา ได้ ภายในช่ วง เวลาสั้น ๆ ก็จะ เกิดได้ จริง และนั่น

หมายความว่ า การค้ นพบนี้สามารถน�

ำไปสร้ างระเบิด

ปรมาณูได้

ในที่สุด Rotblat ก็ได้พบว่า ทุกครั้งที่นิวเคลียสของ

ยูเรเนียม-235 แตกตัวจะมีอนุภาคนิวตรอนเล็ดลอดออกมา

มากกว่า 1 ตัวเสมอ แต่ Rotblat ได้ตีพิมพ์องค์ความรู้

นี้หลัง Frederic Joliot และ Irene Curie เล็กน้อย ดังนั้น

เครดิตการพบอนุภาคนิวตรอนมากกว่า 1 ตัว ในปฏิกิริยา

นิวเคลียร์ Fission จึงตกเป็นของ Joliot – Curie

ถึงปี ค.ศ.1939 Rotblat ได้เดินทางจากโปแลนด์โดย

ทิ้งคู่รักไว้ เบื้องหลังเพื่อไปท�

ำงานวิจัยกับ James Chad-

wick (ผู้พิชิตรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ประจ�

ำปี ค.ศ. 1935

ด้วยการพบอนุภาคนิวตรอน) ที่มหาวิทยาลัย Liverpool

ในอังกฤษ เพราะที่นั่นมีเครื่องเร่งอนุภาคแบบ cyclotron

ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และ Rotblat ก็คาดหวังว่ า

ประสบการณ์ที่เขาจะได้จาก Liverpool จะท�

ำให้สามารถ

สร้างเครื่องเร่งอนุภาค cyclotron ที่โปแลนด์ได้ แต่เมื่อไป

ถึงอังกฤษ Chadwick กลับให้ Rotblat ศึกษาความเป็นไป

ได้ที่จะสร้างระเบิดปรมาณู เพราะในเวลานั้น กองทัพนาซี

ก�

ำลังคุกคามยุโรป Rotblat จึงเข้าท�

ำงานเป็นนักวิจัยใน

โครงการปรมาณูของอังกฤษที่ใช้ชื่อรหัสว่ า Maud and

Tube Alloys

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1939 Rotblat ได้เดินทางกลับ

โปแลนด์ เพื่อเข้ าพิธีสมรสกับ Tola Gryn ที่ก�

ำลังศึกษา

ปริญญาตรีวิชาเอกวรรณคดีที่มหาวิทยาลัย Warsaw และ

ตั้งใจจะน�

ำภรรยาเดินทางกลับอังกฤษด้วย เพราะคิดว่ามี

เงินเดือนเพียงพอส�

ำหรับตนเองและภรรยา แต่โชคไม่ดีที่

Tol a ได้ ล้ มป่ วยด้ วยโรคไส้ ติ่งอักเสบ จึงต้ อง เข้ ารับ

การผ่าตัดทันที ท�

ำให้ Rotblat จ�

ำเป็นต้องเดินทางกลับ

อังกฤษคนเดียว ทั้งที่ Tola ยังไม่ทันหายเป็นปกติ ใน

วันที่ 1 กันยายน ค . ศ . 1939 นั้น เ อง กองทัพนาซีก็

บุกโปแลนด์ และยึดกรุง Warsaw ได้ในเวลาไม่นาน

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 Rotblat ได้พยายามทุก

วิถีทางที่จะน�

ำภรรยาออกจากโปแลนด์ ไม่ว่าจะออกทาง

เบลเยี่ยม เดนมาร์กหรืออิตาลี แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งไป จน

ในที่สุดภรรยาถูกทหารนาซีจับตัวส่งเข้าค่ายกักกัน ท�

ำให้

ต้องเสียชีวิต แต่ Rotblat ไม่รู้เรื่องข่าวนี้เลย จนกระทั่ง

สงครามโลกยุติ

ในปีค.ศ. 1943 Rotblat วัย 35 ปี ได้ติดตาม James

Chadwick ไปท�

ำงานวิจัยที่ Los Alamos National

Laboratory ในอเมริกา เมื่อนักฟิสิกส์รู้ว่า ระเบิดปรมาณู

คืออาวุธสงครามที่มีแนวโน้มว่ าอังกฤษสามารถสร้ างได้

นายกรัฐมนตรี Winston Churchill แห่งอังกฤษ และ

ประธานาธิบดี Franklin Roosevelt แห่งสหรัฐอเมริกาจึง

ไ ด้ เ ซ็ น สั ญ ญ า ใ ห้ นั ก วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ อั ง ก ฤ ษ แ ล ะ

นักวิทยาศาสตร์อเมริกามาท�

ำงานร่วมกันที่ Los Alamos

ในโครงการ Manhattan เพื่อผลิตระเบิดปรมาณู แม้

Rotblat จะเป็นชาวโปแลนด์ที่เป็นศัตรูกับสัมพันธมิตร แต่

บารมีของ Chadwick ก็ได้ช่วยให้ Rotblat ได้ เข้าร่วม

โครงการผลิตระเบิดมหาประลัย ทั้ง ๆ ที่ Rotblat รัก

สันติภาพ แต่ เขาก็มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ท�

ำให้ ต้ องตัดสินใจ

ท�

ำงานในโครงการ Manhattan เพราะคิดว่า Adolf Hitler

ผู้น�

ำนาซีก็ก�

ำลังจะสร้ างระเบิดปรมาณูเช่นกัน ดังนั้นถ้ า

Hitler ท�

ำได้ส�

ำเร็จก่อน ความบรรลัยก็จะเกิดตามมาอย่าง

ไม่ต้องสงสัย

ดังนั้นในปีค.ศ. 1944 เมื่อ Rotblat สืบทราบว่ากองทัพ

นาซีสร้างระเบิดปรมาณูไม่ได้ เขาจึงลาออกจากโครงการ

Manhattan ในทันที ท�

ำให้เป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรก และ

คนเดียวที่ผละทิ้งโครงการ ก่อนระเบิดปรมาณูจะเป็นตัว

เป็นตน และ Rotblat ก็ยังอ้างเหตุผลการลาออกอีกว่า เมื่อ

เขาได้สนทนากับนายพล Leslie Groves ผู้ เป็นหัวหน้า

โครงการ Manhattan นายพล Groves ได้ ปรารภว่ า

หลังสงครามโลก สหรัฐฯ จะใช้ระเบิดปรมาณูถล่มรัสเซีย

ซึ่ง Rotblat ไม่เห็นด้วยเลย เขาจึงเดินทางกลับ Liverpool

ทันที การจากไปครั้งนั้นท�

ำให้สหรัฐสงสัยว่า Rotblat เป็น

ไส้ศึกิ