

นิตยสาร สสวท.
48ิ
ต
ผลการวิจัยของ PISA ยังชี้ว่า นักเรียนหญิงมีแนวโน้มที่จะท�
ำงานเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
ที่มีความคล้ายคลึงกับงานที่เคยท�
ำในโรงเรียนได้ดีกว่านักเรียนชาย แต่เมื่อต้องท�
ำงานที่ต้องใช้ความรู้ความคิดให้เหมือนนักวิทยาศาสตร์
เช่น แปลงสถานการณ์ปัญหาให้อยู่ในรูปของภาษาทางคณิตศาสตร์ ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายสถานการณ์ปัญหา อธิบายหรือ
แปลความหมายปรากฏการณ์เชิงวิทยาศาสตร์ และพยากรณ์การเปลี่ยนแปลงในเชิงวิทยาศาสตร์ ผลการวิจัยกลับพบว่านักเรียน
หญิงท�
ำผลงานได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับนักเรียนชาย ทั้งนี้ การมีความสามารถในการคิดอย่างนักวิทยาศาสตร์ อาจเกี่ยวข้องกับความมั่นใจ
ในตัวเองของนักเรียนด้วย ดังนั้น เมื่อนักเรียนมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ก็จะไม่กังวลกับความล้มเหลวในการท�
ำงานและกล้า
ที่จะลองผิดลองถูก ซึ่งกระบวนการนี้ เป็นพื้นฐานส�
ำคัญของการเกิดความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
กราฟที่ 1
แสดงร้อยละของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงที่มีสมรรถนะต�่
ำกว่าระดับ 2 (ระดับพื้นฐาน) ในด้านการอ่าน
คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ของ PISA 2012
หมายเหตุ :
1) แถบกราฟสีเข้ม (สีเทาเข้มและสีแดง) แสดงถึงความแตกต่างระหว่างร้อยละของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงที่มีนัยส�
ำคัญ
ทางสถิติ
2) ล�
ำดับของประเทศ/เขตเศรษฐกิจถูกเรียงล�
ำดับตามร้อยละของนักเรียนชายที่มีสมรรถนะในกลุ่มต�่
ำ (มีสมรรถนะไม่ถึงระดับพื้นฐาน
ของ PISA) ในด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยเรียงจากมากไปน้อย
ที่มาของข้อมูล : OECD, PISA 2012 Database
ร้อยละของนักเรียน
นักเรียนหญิง
นักเรียนชาย