Previous Page  47 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 47 / 62 Next Page
Page Background

47

ปีที่ 43 ฉบับที่ 195 กรกฎาคม - สิงหาคม 2558

ปีที่ 43 ฉบับที่ 194 พฤษภ มิถุน ยนี

ที่ ั

บี่ ิ

ในปัจจุบัน สังคมทั่วไปให้ความสนใจน้อยลงกับประเด็นที่

ว่าใครเก่งกว่ากันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย แต่ให้ความสนใจ

มากขึ้นเกี่ยวกับการสร้างความเท่าเทียมกันทางการศึกษา

ระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งประเด็นนี้เป็นเป้าหมายส�

ำคัญ

อย่างหนึ่งของการศึกษาในโลกปัจจุบัน แต่ละประเทศจึงด�

ำเนิน

แนวทางต่าง ๆ เพื่อช่วยลดช่องว่างของความเหลื่อมล�้

ำทาง

การศึกษา เพื่อให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสในการเรียนรู้

เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนอย่างเท่าเทียม และสามารถเป็นก�

ำลัง

ส�

ำคัญในการพัฒนาสังคมไปด้วยกัน

เมื่อเดือนมีนาคม 2015 องค์การเพื่อความร่วมมือและ

พัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD (Organisation for Eco-

nomic Co-operation and Development) ได้น�

ำเสนอ

ประเด็นความเหลื่อมล�้

ำทางการศึกษาระหว่างนักเรียนหญิง

และนักเรียนชาย ที่สะท้อนจากผลการประเมิน PISA และเผยแพร่

ในเอกสาร PISA in Focus* ฉบับที่ 49 ข้อมูลดังกล่าวมี

ความน่าสนใจและสามารถน�

ำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา

ได้อย่างไรบ้างนั้น มาติดตามกัน

* PISA in Focus เป็นบทความวิชาการเกี่ยวกับผลการประเมินโครงการ PISA ที่น่าสนใจ เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ OECD

ความแตกต่างของผลการประเมิน PISA ระหว่าง

นักเรียนหญิงและนักเรียนชาย

ผลการส�

ำรวจของ OECD พบว่า ช่องว่างของความ

เหลื่อมล�้

ำทางการศึกษาก�

ำลังลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลชี้ว่า

เด็กผู้ชายมีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนน้อยกว่า และมีทักษะ

และผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาด้อยกว่าเด็กผู้หญิงอย่างมีนัย

ส�

ำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ อัตราการลาออกจากโรงเรียนกลางคัน

โดยไม่ได้รับวุฒิการศึกษาของนักเรียนชาย ยังมีอัตราสูงอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้หญิงจะมีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียน

มากกว่า โดยเฉพาะในระดับอุดมศึกษาที่มีสัดส่วนของผู้หญิง

ที่เข้าเรียนสูงกว่าผู้ชายมาก แต่กลับพบว่า มีผู้หญิงจ�

ำนวนน้อย

ที่สมัครเข้าเรียนในสายวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์กายภาพ

คอมพิวเตอร์ และวิศวกรรม ในขณะที่ผู้ชายจะเลือกเรียนใน

สายวิชาดังกล่าวเป็นจ�

ำนวนมากกว่า

จากผลการประเมินของโครงการประเมินผลนักเรียน

ร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA (Programme for International

Student Assessment) ที่ผ่านมาสะท้อนว่า โดยภาพรวมแล้ว

นักเรียนชายในวัย 15 ปี มีผลการประเมินต�่

ำกว่านักเรียนหญิง

ในวัยเดียวกัน ผลการประเมิน PISA 2012 พบว่า นักเรียนกลุ่ม

ต�่

ำที่มีสมรรถนะไม่ถึงระดับพื้นฐานของ PISA ในทั้งสามวิชา

ได้แก่ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เป็นนักเรียนชาย

14% และเป็นนักเรียนหญิง 9% และในประเทศโดยส่วนใหญ่

นักเรียนกลุ่มต�่

ำเป็นนักเรียนชายในสัดส่วนที่มากกว่า (ดังแสดง

ในกราฟที่ 1) ส�

ำหรับประเทศไทย นักเรียนกลุ่มต�่

ำ เป็นนักเรียน

ชาย 32.2% และเป็นนักเรียนหญิง 15.6%

การมีผลสัมฤทธิ์ที่ต�่

ำของนักเรียนชาย

ข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามนักเรียนใน PISA 2012

ท�

ำให้สันนิษฐานได้ว่า การที่นักเรียนชายมี

ผลการประเมินต�่

กว่านักเรียนหญิง อาจมาจากการมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันระหว่าง

นักเรียนหญิงและนักเรียนชาย เช่น

1) นักเรียนชายใช้เวลาในการท�

ำการบ้านน้อยกว่านักเรียนหญิง

ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยผลการวิจัยพบว่า เวลาที่ใช้

ในการท�

ำการบ้านมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับผลการประเมินของ

นักเรียน เมื่อนักเรียนใช้เวลาในการท�

ำการบ้านเพิ่มขึ้น 1 ชั่วโมง

จะท�

ำให้ได้คะแนนวิชาการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์

เพิ่มขึ้น 4 คะแนน และ

2) ภายหลังเลิกเรียน นักเรียนชายใช้เวลาในการเล่นวีดิโอเกม

มากกว่า แต่ใช้เวลาในการอ่านเพื่อความบันเทิงน้อยกว่านักเรียน

หญิง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า สมรรถนะการอ่านนั้นเป็นพื้นฐาน

ส�

ำคัญของการเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ดังนั้นเมื่อนักเรียนชายไม่ได้ใช้

เวลาในการอ่านมากนัก จึงใช้สมรรถนะการอ่านในวิชาต่าง ๆ

ในโรงเรียนได้ไม่ดีตามไปด้วย

การขาดความมั่นใจในตัวเองของนักเรียนหญิง

ประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมโครงการใน PISA 2012

โดยส่วนใหญ่ พบว่า ในกลุ่มนักเรียนที่มี

ผลการประเมินสูง

นักเรียนชายจะท�

ำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีกว่านักเรียนหญิง

โดยทั่วไปแล้ว นักเรียนหญิงจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองเกี่ยวกับ

ความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์

น้อยกว่านักเรียนชาย และมีความวิตกกังวลในวิชาคณิตศาสตร์

สูงกว่านักเรียนชายด้วย แต่เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มนักเรียนทั้ง

ชายและหญิงที่มีผลการประเมินสูง และมีความเชื่อมั่นใน

ความสามารถทางคณิตศาสตร์ของตนเองและมีความวิตก

กังวลในวิชาคณิตศาสตร์ที่ใกล้เคียงกัน พบว่า ความแตกต่าง

ของคะแนนคณิตศาสตร์ระหว่างนักเรียนชายและนักเรียน

หญิงในประเทศต่าง ๆ จะมีน้อยลง เช่น ในเกาหลี ฮ่องกง-

จีน และญี่ปุ่น ที่ความแตกต่างของคะแนนจะน้อยลงมากกว่า

10 คะแนน หรือในเซี่ยงไฮ้-จีน มาเก๊า-จีน และจีนไทเป ที่

เมื่อนักเรียนชายและนักเรียนหญิงมีความเชื่อมั่นเท่ ากัน

คะแนนคณิตศาสตร์ของนักเรียนหญิงกลับมีค่าสูงกว่านักเรียน

ชาย (ดังแสดงในกราฟที่ 2) อย่างไรก็ตาม ส�

ำหรับประเทศไทย

เป็นเพียงประเทศเดียวที่นักเรียนหญิงมีคะแนนคณิตศาสตร์

สูงกว่านักเรียนชาย ทั้งในช่วงก่อนและหลังจากวิเคราะห์ร่วมกับ

ค ว า ม เชื่ อมั่น ใ นค ว า มส า ม า ร ถท า ง คณิตศ า สต ร์ ข อ ง

ตัวนักเรียน