Table of Contents Table of Contents
Previous Page  48 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 48 / 62 Next Page
Page Background

48

นิตยสาร สสวท

ผลการรวบรวมข้อมูลจากการ

ตรวจวัดของทีมของแมคโดนัลด์ในระยะเวลา

กว่า 2 ปี พบว่า จ�

ำนวนนิวตริโนอิเล็กตรอน

ที่มาจากดวงอาทิตย์มีเพียงประมาณ 1 ใน 3

ของจ�

ำนวนที่คาดไว้จากการค�

ำนวณทางทฤษฎี

แต่ เมื่อได้พิจารณาจ�

ำนวนของนิวตริโน

ทั้ง 3 ชนิดรวมกัน กลับพบว่า มีจ�

ำนวน

โ ดยประมาณเ ท่ ากับจ�

ำนวนนิวตริ โน

อิเล็กตรอนทั้งหมดที่คาดว่ าจะตรวจพบ

ในทางทฤษฎี ซึ่งทีมวิจัยของแมคโดนัลด์

ได้สรุปผลการทดลองว่า นิวตริโนอิเล็กตรอน

มีการเปลี่ยนเป็นนิวตริโนชนิดอื่นระหว่าง

การเดินทางจากดวงอาทิตย์ มายังโลก

ซึ่งสอดคล้ องกับผลกา รตร วจวัดและ

สมมติฐานของทีมวิจัยที่น�

ำโดยคาจิตะ

รูปที่ 5

Sudbury Neutrino Observatory (SNO) ตรวจวัดได้ทั้งนิวตริโนที่มาจากดวงอาทิตย์

และ นิวตริโนทั้ง 3 ชนิดรวมกัน (โดยไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นนิวตริโนชนิดใด)

ารน�ไปสู่ข้อสรุปว่า

นิวตริโนมีมวล

การค้นพบว่า นิวตริโนมีการเปลี่ยนชนิดได้ ท�

ำให้

นักฟิสิกส์ต้องทบทวนทฤษฎีเกี่ยวกับอนุภาคมูลฐานในส่วน

ของมวลของนิวตริโน ที่เดิมที พวกเขาได้เคยสมมติให้มีค่า

เป็นศูนย์

ในทฤษฎีควอนตัมซึ่งเป็ นทฤษฎีที่ใช้ อธิบาย

ธรรมชาติในระดับอะตอม อนุภาคและคลื่นเป็นรูปลักษณ์

ที่แตกต่างกันของสภาวะทางกายภาพ (Physical state)

เดียวกัน อนุภาคที่มีพลังงานเฉพาะค่าสามารถบรรยายได้ด้วย

คลื่นที่มีความถี่เฉพาะค่า ดังนั้น ส�

ำหรับนิวตริโนอิเล็กตรอน

นิวตริโนมิวออน และ นิวตริโนทาว ในทางทฤษฎีควอนตัม

อนุภาคเหล่านี้สามารถบรรยายได้ด้วยคลื่นที่มีการซ้อนทับกัน

(Superposition) อยู่หลายคลื่น โดยแต่ละคลื่นเป็นนิวตริโน

ที่มีสภาวะแตกต่างกัน เมื่อคลื่นเหล่านี้ที่ซ้อนทับกันอยู่มี

“เฟสตรงกัน” (in phase) เราจะไม่สามารถแยกได้ว่า มีนิวตริโน

ที่สภาวะใดบ้างที่ซ้อนทับกันอยู่

การเปลี่ยนชนิดของนิวตริโนสามารถอธิบายได้

โดยพิจารณาจากการที่ เมื่อนิวตริโนเดินทางเป็นระยะทางหนึ่ง

คลื่นที่เคยซ้ อนทับกันอยู่ และมีเฟสตรงกันเกิดมีความ

“ต่างเฟสกัน” (out of phase) จึงท�

ำให้มีการซ้อนทับกัน

ของคลื่นในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม รูปแบบการซ้อนทับกัน

ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง จะบ่งบอกถึงความน่าจะเป็นที่จะพบ

นิวตริโนชนิดใดชนิดหนึ่งมากที่สุด ณ บริเวณนั้น ดังนั้น

นิวตริโนที่เดินทางจากดวงอาทิตย์มายังโลก หรือ จากชั้น

บรรยากาศผ่านโลก จึงมีการเปลี่ยนชนิดได้ ตามรูปแบบ

การซ้อนทับกันที่ของคลื่นที่เป็นองค์ประกอบของนิวตริโน

ชนิดเริ่มต้น

สมบัติในการเปลี่ยนชนิดกลับไปมาของนิวตริโน

เรียกว่า “การแกว่ง” (Oscillation) ซึ่งจากเหตุผลข้างต้น

นักฟิสิกส์จึงสรุปได้ว่า ความสามารถในการเปลี่ยนชนิดได้

ของนิวตริโนจะเกิดขึ้นได้นั้น นิวตริโนแต่ละชนิดต้องมีมวล

ไม่เท่ากัน และไม่เป็นศูนย์นั่นเอง ซึ่งจากผลการทดลอง

ได้มีการประมาณค่าของมวลนิวตริโนไว้ว่ามีค่าน้อยกว่า

3.57x10

-33

กรัม (Olive et al., 2014)

การค้นพบว่า นิวตริโนต้องมีมวลไม่เป็นศูนย์ ท�

ำให้

นักฟิสิกส์ตระหนักว่า ทฤษฎีเกี่ยวกับอนุภาคมูลฐานที่พวกเขา

ได้สร้างขึ้นมาและคิดว่าเป็นทฤษฎีที่สมบูรณ์แบบ ยังมี

เรื่องราวที่ยังไม่สามารถให้ค�

ำอธิบายได้ และธรรมชาติของ

เอกภพยังมีสิ่งที่ยังคงซ่อนเร้นอยู่อีก ที่รอให้พวกเขาค้นพบ