

11
ปีที่ 41 ฉบับที่ 184 กันยายน - ตุลาคม 2556
ภาพที่ 2 พรสวรรค์ด้านวิทยาศาสตร์ก็สามารถเกิดขึ้นได้
(ที่มา :
http://www.deseretnews.com/article/765588153/New-options-emerge-to-enrich-gifted-students-education.html?pg=all)
นักจิตวิทยาและนักการศึกษาได้ให้นิยามและมีทัศนคติต่อ
เรื่องพรสวรรค์ อัจฉริยภาพ และความสามารถพิเศษต่าง ๆ กันไป
Subotnik,Olszewski-Kubilius, และWorrell (DukeTalent
Identification Program, 2011) นิยามพรสวรรค์ว่าเป็น
“...การแสดงออกถึงสัมฤทธิผลหรือผลงานที่อยู่ในช่วงบน
ของการกระจายอย่างชัดแจ้ง ในกลุ่มที่มีความสามารถพิเศษ
หรือแม้แต่เทียบกับคนอื่นที่มีความสามารถสูงในกลุ่มเดียวกัน
พรสวรรค์ยังมีแง่มุมในเชิงพัฒนาการอีกด้วย ในแง่นี้ศักยภาพ
เป็นตัวแปรสำ
�คัญในระยะแรก แต่ความสำ
�เร็จคือตัววัดในระยะ
ท้าย ๆ ส่วนความสามารถพิเศษที่พัฒนาอย่างเต็มที่แล้ว ชื่อเสียง
คือรากฐานของการได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ ปัจจัยทางจิตใจ-
สังคม มีส่วนสำ
�คัญในการปรากฏแจ้งของพรสวรรค์ในทุกระยะ
ของพัฒนาการ ทั้งปัจจัยทางความคิดและจิตใจ-สังคมนั้น ล้วน
อ่อนไหวและต้องการการบ่มเพาะอย่างรอบคอบ”
ในหนังสือ
พรสวรรค์ในเด็ก: ความเชื่อและความจริง
Ellen
Winner (1996) นิยามพรสวรรค์จากลักษณะที่ไม่ธรรมดาสาม
ด้านไว้ ดังนี้
“• เก่งเกินวัย “พวกเขาจะเริ่มสร้างความเชี่ยวชาญใน
สาขาหนึ่ง ๆ ขณะที่ยังอายุน้อย ๆ อีกทั้งพวกเขายังมีพัฒนาการที่
รวดเร็วกว่าเด็กทั่ว ๆ ไปเพราะพวกเขาเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นได้อย่าง
ง่ายดาย”
• ความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ด้วยวิธีของตนเอง “เด็กที่มี
พรสวรรค์นอกจากจะเรียนรู้ได้รวดเร็วกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป หรือ
แม้แต่เด็กที่ฉลาด ๆ แล้ว พวกเขาเรียนรู้ด้วยวิธีที่ต่างออกไป
อย่างเห็นได้ชัด”
• ขับดันตนเองให้เชี่ยวชาญ “เด็กที่มีพรสวรรค์มีแรง
จูงใจภายในที่จะทำ
�ความเข้าใจสิ่งที่เขามีความถนัดเป็นพิเศษ”
Renzulli (NAGC, 2008) เสนอว่า การแสดงออกของ
พรสวรรค์เกิดขึ้นเมื่อมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างลักษณะพื้นฐานของ
มนุษย์สามด้าน คือ ความสามารถเฉพาะด้านหรือทั่ว ๆ ไปที่เหนือ
กว่าระดับปกติ ความทุ่มเทอย่างสูงในชิ้นงาน (แรงจูงใจ) และ
ความคิดสร้างสรรค์ระดับสูง เด็กที่มีพรสวรรค์หรือความสามารถ
พิเศษจะมีหรือสามารถที่จะพัฒนาลักษณะเหล่านั้น รวมทั้ง
ประยุกต์ใช้กับกิจกรรมของมนุษย์ที่มีคุณค่าด้านต่าง ๆ ดังที่ โมเดล
การบำ
�รุงส่งเสริมโรงเรียน (Schoolwide Enrichment Model)
กล่าวว่า การแสดงออกของพรสวรรค์จะพบ “ในบางคน (ไม่ใช่ทุก
คน) บางเวลา (ไม่ใช่ตลอดเวลา) และภายใต้สถานการณ์หนึ่ง ๆ
(ไม่ใช่ทุกสถานการณ์)”
ส่วน Gagné (NAGC, 2008) ได้เสนอข้อแตกต่างอันเด่นชัด
ระหว่างพรสวรรค์และความสามารถพิเศษ ตามโมเดลของเขา
พรสวรรค์ต้องบ่งชี้การมีและการใช้ความสามารถตามธรรมชาติ
ที่เกิดขึ้นเองและไม่ได้ฝึกฝน (เรียกว่า ความถนัดหรือพรสวรรค์)
ถึงขั้นที่ทำ
�ให้เด็กอยู่ในระดับ 10 % แรกของเด็กวัยนั้น ส่วน
ความสามารถพิเศษจะต้องบ่งชี้ความเชี่ยวชาญชั้นสูงของความ
สามารถ (หรือทักษะ) ที่ได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบและ
ความรู้ในสาขาใดสาขาหนึ่งถึงขั้นที่ทำ
�ให้เด็กมีสัมฤทธิผลใน
ระดับ 10 % แรกของเด็กวัยนั้น โมเดลของเขาประกอบไปด้วย
ความถนัดในห้าด้าน: สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะทาง
สังคม การสัมผัส-เคลื่อนไหว และ “อื่น ๆ” (เช่น การรับรู้เหนือ
สัมผัส) ความสามารถตามธรรมชาติที่มีพื้นฐานจากพันธุกรรม
นี้สังเกตได้จากชิ้นงานต่าง ๆ ที่เด็กได้ทำ
�ในโรงเรียน (Gagné,
1985)
Gagné ยังได้นำ
�เสนอ “แบบจำ
�ลองเชิงจำ
�แนกเรื่องพรสวรรค์
และความสามารถพิเศษ” (Differentiated Model of Gifted-
ness andTalent (DMGT) แบบจำ
�ลองนี้สรุปไว้ว่า “ความสามารถ
พิเศษในด้านใด ๆ เกิดจากกระบวนการพัฒนาอันยาวนาน
ที่มีรากฐานจากความถนัด (พรสวรรค์) และยังได้ประโยชน์
จากอิทธิพลอย่างต่อเนื่องของตัวกระตุ้นทั้งจากภายในตัวและ
สิ่งแวดล้อม” (Gagné, 2012a) แนวคิดนี้สรุปได้ดังแผนภาพต่อ
ไปนี้ (Gagné, 2012a)