

48
นิตยสาร สสวท.
ไทด์หลายพันล้านหน่วย จึงทำ
�ให้ต้องใช้วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
และสถิติมาประกอบเสมอ
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยที่ผู้เขียนไปเรียนมีการทำ
�งานร่วมกัน
ระหว่างต่างภาควิชาอย่างมาก จนทำ
�ให้รู้สึกเสมือนว่าไม่มีขอบเขต
หรือกำ
�แพงกั้นขวาง ดังที่เห็นในงานวิจัยเกี่ยวกับจีโนมมนุษย์ ซึ่งมีการ
ทำ
�งานร่วมกันระหว่างกลุ่มชีวสารสนเทศ โรงเรียนแพทย์ โรงเรียน
กฎหมาย สถาบันนโยบาย และโรงเรียนธุรกิจของมหาวิทยาลัย การ
อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีการทำ
�งานร่วมกันอย่างไม่มีขอบเขต
เช่นนี้ช่วยสนับสนุนให้ผู้เขียนเป็นคนที่มองเห็นการเชื่อมโยงและความ
สัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นไปอีก
มุมมองและแนวทางการคิดแบบบูรณาการนี้มีความสำ
�คัญมาก
ในการศึกษาทุกระดับ และเป็นพื้นฐานสำ
�คัญในการเตรียมความ
พร้อมสำ
�หรับการประกอบอาชีพ เพราะไม่มีอาชีพใดที่เกี่ยวข้องกับ
วิชาใดเพียงวิชาเดียวเท่านั้น ซึ่งหลายหน่วยงานในประเทศไทยได้เห็น
ความสำ
�คัญและมีการผลักดันให้มีการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
มากยิ่งขึ้น รวมทั้งมุ่งเน้นถึงการนำ
�ไปใช้ในชีวิตประจำ
�วัน ซึ่งเป็นการ
ขับเคลื่อนไปในทางที่ดี
สังคมแห่งการแสดงความคิดเห็น
ความแตกต่างของบรรยากาศการเรียนรู้ในห้องเรียนสิ่งหนึ่งที่
เห็นได้ชัด คือ การแสดงความคิดเห็น ซึ่งผู้เขียนสังเกตว่านักเรียน
ในประเทศสหรัฐอเมริกามีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างมาก ไม่
ว่าจะเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ที่จัดสอนเฉพาะสำ
�หรับภาควิชา วิชา
สังคมศาสตร์ที่หลายคณะเรียนร่วมกัน ไปจนถึงวิชาพลศึกษา
นอกจากนี้หลายวิชาจะมีการจัดคาบอภิปรายไว้โดยเฉพาะ ซึ่งจะ
ไม่มีการสอนเนื้อหาใหม่แต่จะมีการนำ
�เรื่องเดิมมาคุยกัน โดยจะเปิด
โอกาสให้นักเรียนซักถามคำ
�ถามเพิ่มเติม ถกประเด็นข้อข้องใจ และ
ฟังความคิดเห็นของเพื่อนร่วมชั้น นักเรียนในสหรัฐอเมริกานั้นได้มี
โอกาสฝึกฝนการแสดงความคิดเห็นตั้งแต่เล็ก ดังที่ผู้เขียนได้เห็นจาก
ห้องเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ซึ่งนับว่าเป็นการปูพื้นฐานที่ดี เพราะ
การแสดงความคิดเห็นนี้ นอกจากจะเป็นส่วนสำ
�คัญในการพัฒนา
ทักษะการคิดวิเคราะห์ที่กล่าวถึงในข้างต้นแล้ว ยังมีความสำ
�คัญใน
กับกลุ่มวิจัยที่
Duke University
หลังจากกลับจากการ
แข่งขันชีววิทยาโอลิมปิก
ถ่ายกับอาจารย์ดาราวรรณ
เหลืองอร่ามโชติ
การพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงอื่น ๆ อีกด้วย
สำ
�หรับในประเทศไทย ถึงแม้หลายฝ่ายจะเห็นความสำ
�คัญของ
การแสดงความคิดเห็นของนักเรียนในห้องเรียน และมีการผลักดัน
การจัดการเรียนการสอนในแนวนี้มากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติอาจยังไม่
เห็นผลที่ชัดเจนเท่าหรือเกิดขึ้นกับนักเรียนทุกคน ดังที่เห็นจากการที่
ผู้เขียนได้ไปสอนนักเรียนไทยหลังจากจบกลับมา ซึ่งพบว่านักเรียน
มักตอบคำ
�ถามที่ถามตรง ๆ ที่นักเรียนรู้คำ
�ตอบ มากกว่าคำ
�ถามที่ให้
แสดงความคิดเห็นหรือคำ
�ถามปลายเปิด และยังไม่กล้าแสดงความคิด
เห็นมากเท่าที่ควร ผู้เขียนอยากให้เด็กไทยมีการแสดงความคิดเห็น
มากขึ้น และไม่อยากให้มองว่าคำ
�ตอบนั้นจะถูกหรือผิด เนื่องจาก
เรื่องทุกเรื่องนั้นอาจมีการมองได้หลายมุม และเราอาจมองต่างมุมกับ
คนอื่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรใช้เหตุผลประกอบการแสดงความคิดเห็น
เป็นหลัก และยอมรับความคิดเห็นของเพื่อนร่วมชั้นที่แตกต่างกันไป
สำ
�หรับครู อาจารย์ และผู้ปกครองนั้น ก็สามารถช่วยสนับสนุนในจุด
นี้ได้ โดยนอกจากการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและสนับสนุนการ
แสดงความคิดเห็นแล้ว ควรต้องเปิดกว้างกับการรับฟังความเห็นจาก
ผู้เยาว์ในบริบทของการเรียนรู้ด้วย
การรู้จักตนเอง
ถ้าจะมองกลับมาที่การเรียนรู้ สิ่งที่เราต้องเรียนรู้และวิธีการใน
การเรียนรู้นั้นมีความหลากหลาย จนบางครั้งอาจทำ
�ให้เราเน้นมอง
ถึงสิ่งภายนอกเป็นหลักและมองข้ามปัจจัยภายในตนเองไป ผู้เขียน
คิดว่าไม่ว่าจะเป็นในด้านการศึกษา การประกอบอาชีพ หรือการ
ดำ
�รงชีวิตนั้น สิ่งที่สำ
�คัญที่ขาดไม่ได้ คือ การรู้จักตนเอง เพราะการ
รู้ว่าตนเองมีความสนใจและความถนัดด้านใด รวมทั้งจุดแข็งและจุด
อ่อนของตนนั้น จะช่วยทำ
�ให้เราสามารถประเมินศักยภาพของตนใน
การเรียนหรือการทำ
�งานได้อย่างเหมาะสม
ถึงแม้ผู้เขียนได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ หลายสิ่งจากการไปศึกษาต่อ แต่
ผู้เขียนตระหนักดีว่ายังมีสิ่งอื่นอีกมากมายที่ยังต้องเรียนรู้ และไม่
สามารถคาดการณ์ได้ทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง เพราะการเรียนรู้นั้นมีการ
เปลี่ยนแปลงไปกับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดนิ่งนั่นเอง