Previous Page  38 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 38 / 62 Next Page
Page Background

นิตยสาร สสวท.

38

ปัจจุบันมีการกล่าวถึงความส�

ำคัญของความคิดสร้างสรรค์

กันอย่างแพร่หลายแม้กระทั่งในบทความของเครือข่ายองค์กร

ความร่วมมือเพื่อทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Partner-

ship for 21th Century Skills) ก็มีการกล่าวอ้างถึงความ

คิดสร้างสรรค์ว่าเป็นหนึ่งในทักษะส�

ำคัญของการเรียนรู้และ

นวัตกรรม (Learning and Innovation Skills) ซึ่งประกอบ

ไปด้วยการคิดอย่างมีวิจารณญาน (critical thinking) การ

สื่อสาร (communication) ความร่วมมือ (collaboration)

และความคิดสร้างสรรค์ (creativity) ในยุคปัจจุบัน

(ที่มา:

www.p21.org)

มีผู้ให้ความหมายของค�

ำว่าความคิดสร้างสรรค์ไว้หลาย

ความหมาย เช่น เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2545) ได้ให้ความ

หมายว่า ความคิดสร้างสรรค์ เป็นการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ

(creative thinking) การขยายขอบเขตความคิดออกไปจาก

กรอบความคิดเดิมที่มีอยู่สู่ความคิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อ

ค้นหาค�

ำตอบที่ดีที่สุดให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น ในขณะที่ส�

ำนัก

วิชาการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2551)

ได้ให้ความหมายว่า ความคิดสร้างสรรค์ เป็นความสามารถ

ทางสมองมนุษย์ที่คิดได้กว้างไกลหลายแง่มุม หลายทิศทาง

น�

ำไปสู่การคิดประดิษฐ์สิ่งของและแนวทางการแก้ปัญหาใหม่

โดยรวมแล้วความคิดสร้างสรรค์จึงเป็นเรื่องของการ

คิดเพื่อการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ หรือเพื่อการพัฒนาต่อยอดของ

เดิม นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของการคิดเพื่อแก้ปัญหาอีกด้วย

โดยความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความ

เป็นไปได้ (workable) ไม่ใช่แค่การเพ้อฝันเท่านั้นและต้องมี

ความเหมาะสม (appropriate) ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งแปลกใหม่

แต่ต้องมีองค์ประกอบของความมีเหตุมีผลและคุณค่าภายใต้ที่

ยอมรับกันทั่วไป ซึ่ง

ลักษณะของความคิดสร้างสรรค์แบ่งได้

เป็น 4 ลักษณะ

ด้วยกัน (Torrance, 1979) ได้แก่

·

ความคิดริเริ่ม (originality)

เป็นลักษณะความคิด

ที่แปลกใหม่ แตกต่างจากความคิดเดิม ประยุกต์ให้เกิดสิ่งใหม่

ขึ้นที่ไม่ซ�้

ำของเดิม

·

ความคิดคล่อง (fluency)

เป็นความสามารถใน

การคิดหาค�

ำตอบได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็วและมีปริมาณ

มากในเวลาอันจ�

ำกัด

·

ความคิดยืดหยุ่น (flexibility)

เป็นความสามารถใน

การคิดหาค�

ำตอบได้หลายประเภทและหลายทิศทางดัดแปลง

จากสิ่งหนึ่งไปเป็นหลายสิ่งได้

·

ความคิดละเอียดลออ (elaboration)

เป็นความ

คิดในรายละเอียดเพื่อตกแต่งหรือขยายความคิดหลักให้

สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

การเกิดความคิดสร้างสรรค์อาจแบ่งเป็น 2 แนวทาง

หลัก

ได้แก่

แนวทางแรก

: เกิดจากจินตนาการแล้วคิดวิเคราะห์เพื่อ

ศึกษาความเป็นไปได้ จินตนาการของคนเรามีความส�

ำคัญ

มากเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งส่วนมากมักเริ่ม

จากปัญหาหรือความต้องการของมนุษย์ จึงท�

ำให้เราต้องคิด

หาสิ่งใหม่ ๆ แต่อย่างไรก็ตามจินตนาการและความฝันนั้น

อาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงเสมอไป จึงมีความจ�

ำเป็นที่จะ

ต้องพินิจพิเคราะห์ให้ดีแล้วทดลองหรือสร้างสรรค์มันออกมา

แนวทางที่สอง

: เกิดจากการต่อยอดความคิดจากสิ่งเดิมที่มี

อยู่ ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจาก

ความคิดของคนเรามักเริ่มจากการมีประสบการณ์และความรู้

เดิม ท�

ำให้เราสามารถคิดต่อยอดหรือพัฒนาปรับปรุงสิ่งเดิมให้

ดีขึ้น ในบางครั้งเราอาจได้แนวคิดจากคนอื่นมาพัฒนาเป็นสิ่ง

ใหม่หรือเชื่อมโยงกับของเดิมที่เรามีอยู่ ซึ่งความคิดลักษณะนี้

เองที่ทอมัส เอดิสัน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักประดิษฐ์นั้นได้น�

ำมาใช้

ในงานธุรกิจสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ จ�

ำนวนมากของเขานั่นเอง จน

บางครั้งมีผู้กล่าวว่าแท้ที่จริงแล้ว เอดิสัน คือผู้ลอกเลียนแบบ