Previous Page  47 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 47 / 62 Next Page
Page Background

47

ปีที่ 42 ฉบับที่ 190 กันยายน- ตุลาคม 2557

จุฑามาส สรุปราษฎร์

ผู้ช�

ำนาญ สาขาวิจัย สสวท. / e-mail

:csaru@ipst.ac.th

สังคมโลกมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สังคมไทยจึงควรมีการเตรียมพร้อม

เพื่อรับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้เมื่อมี

การรวมกลุ่มของประเทศในเขตอาเซียนเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

(ASEAN Economic Community) ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งจะท�

ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ในหลายด้านโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และย่อมตามมาด้วยความก้าวหน้าทาง

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและการแข่งขันระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น การเพิ่ม

ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต้องอาศัยประชากรที่มีคุณภาพ

ซึ่งพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีถือเป็นรากฐาน

ส�

ำคัญของการพัฒนาคุณภาพคนและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

นอกจากนี้ องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยียังเกี่ยวข้องกับ

วิถีชีวิตของทุกคนในสังคม

การเรียนกระตุ้นความคิด

ความต้องการจ�

ำเป็นในการ

พัฒนาสมรรถนะ

ส�

ำหรับ

ครูผู้สอน

วิทยาศาสตร์

คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี

ดังนั้นจึงจ�

ำเป็นต้องให้ความส�

ำคัญกับ

การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์

คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งการจัดการ

เรียนการสอนมีองค์ประกอบหลายอย่าง

และหนึ่งในนั้นคือผู้สอนหรือครูซึ่งเป็น

องค์ประกอบที่ส�

ำคัญเพราะครูเป็นบุคคล

ที่มีบทบาทในการจัดการเรียนการสอน

เพื่อให้ครูจัดการเรียนการสอนได้อย่างมี

ประสิทธิภาพ จ�

ำเป็นต้องมีการพัฒนาครู

ให้มีคุณภาพเสียก่อน เพราะจากการ

ศึกษาของส�

ำนักงานเลขาธิการสภาการ

ศึกษาพบว่าในการจัดการเรียนการสอนยัง

มีปัญหาด้านครูอีกหลายปัญหา เช่น ครูมี

ศักยภาพไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียน

การสอน หรือการพัฒนาอบรมครูไม่

สอดคล้องกับความต้องการของครู การที่

จะพัฒนาให้ได้ผลนั้นย่อมต้องทราบก่อน

ว่าครูขาดสมรรถนะด้านใดและต้องการได้

รับการพัฒนาด้านใดบ้าง ดังนั้นจึงจ�

ำเป็น

ต้องมีการศึกษาให้ทราบแน่ชัดก่อนเพื่อ

ให้การพัฒนาสอดคล้องกับความต้องการ

ของครู ซึ่งในบทความนี้จะชี้ให้เห็นว่าควร

ต้องให้ความส�

ำคัญกับการพัฒนาครูด้าน

ใดก่อนหรือหลัง สาเหตุใดที่ท�

ำให้ครู

ต้องการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียน

การสอนของตนเอง และมีแนวทางใดที่จะ

ช่วยแก้ไขปัญหาของครูได้ ซึ่งองค์ความรู้

เหล่านี้เป็นผลลัพธ์ที่ได้จากกระบวนการ

วิจัยประเมินความต้องการจ�

ำเป็น

ก่อนที่จะกล่าวถึงสมรรถนะต่าง ๆ

ด้านการจัดการเรียนการสอนที่ครูจ�

ำเป็น

ต้องได้รับการพัฒนามีสิ่งที่ต้องท�

ำความ

เข้าใจกันก่อนคือ การประเมินความต้องการ

จ�

ำเป็น (needs assessment) ซึ่งการ

ประเมินความต้องการจ�

ำเป็นนี้เป็นกระบวน

การเพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่าง

สภาพที่ควรจะเป็น (what should be) และ

สภาพที่เป็นอยู่จริงในปัจจุบัน (what is) หาก

พบว่ามีความแตกต่างระหว่าง 2 สภาพใน

ลักษณะที่สภาพที่ควรจะเป็นนั้นคาดหวัง

ไว้สูงแต่สภาพที่เป็นจริงนั้นต�่

ำกว่ามาก ก็จะ

เกิดเป็นช่องว่างและเป็นการชี้ให้เห็นถึง

ปัญหาที่เกิดขึ้นหากช่องว่างนั้นกว้างแสดงว่า

จ�

ำเป็นต้องได้รับการพัฒนาอย่างเร่งด่วนก่อน

ที่จะเกิดผลเสียหาย