

5
ปีที่ 43 ฉบับที่ 194 พฤษภาคม - มิถุนายน 2558 ี
ที่ ั
บี่ ิ
ถุน
แนวทางการด�
ำเนินการพัฒนาระบบพี่เลี้ยงในโรงเรียน
ตนเองได้ดี นอกจากนี้การนิเทศภายในจะส่งเสริมและเร่งระดม
ความร่วมมือได้ดีที่สุด ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ควรมีแนวทางในการ
ส่งเสริมให้ครูมีการช่วยเหลือกันเองภายในโรงเรียนซึ่งเป็นวิธีการ
หนึ่งที่สามารถช่วยเหลือครูได้
จากการศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับกระบวนการท�
ำงานแบบ
พี่เลี้ยงของ Hay (1995) รวมทั้งการท�
ำงานและการเรียนรู้ร่วมกัน
เป็นทีมของ Senge (1994) พบว่าเหมาะสมที่จะน�
ำมาปรับใช้
หรือส่งเสริมให้เกิดขึ้นภายในโรงเรียน เนื่องจากกระบวนการ
พี่เลี้ยงนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคคลให้มีความสามารถสูง
เป็นกระบวนการส�
ำคัญที่ช่วยให้พนักงานหรือผู้ร่วมงานได้รับ
การดูแล และยังเป็นการพัฒนาบุคลากรให้สามารถปฏิบัติงาน
ร่วมกับองค์กรได้อย่างมีความสุข ระบบพี่เลี้ยงท�
ำให้ทุกคนมี
ความสามารถในการท�
ำงานให้บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ การสร้างระบบพี่เลี้ยงเป็นจุดเริ่มต้นที่ส�
ำคัญของ
การสร้างพื้นฐานการพัฒนาบุคลากรที่ยั่งยืน (McKimm, 2008)
ส�
ำหรับการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีมนั้นท�
ำให้ครูมีโอกาสเรียนรู้
รับรู้และแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กัน การเรียนรู้ร่วมกันของสมาชิก
ในลักษณะกลุ่มหรือทีมงานเป็นเป้าหมายส�
ำคัญที่ต้องท�
ำให้เกิดขึ้น
เพื่อให้มีการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์กันอย่างสม�่
ำเสมอ
การเรียนรู้เป็นทีมเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในการสร้างองค์กร
แห่งการเรียนรู้ (Senge, 1990) กล่าวโดยสรุปแล้วการเรียนรู้เป็น
ทีมนั้นไม่เพียงแต่จะเกิดการเรียนรู้เพื่อการท�
ำงานเท่านั้น แต่ยัง
เป็นการเสริมสร้ างความเข้ าใจกันของสมาชิกภายในทีม
ซึ่งจะท�
ำให้เกิดความสามัคคีร่วมมือกันท�
ำงานเป็นไปในทิศทาง
เดียวกันได้ นอกจากนี้การเรียนรู้เป็นทีมจะช่วยดึงเอาศักยภาพ
ทั้งด้ านความคิด ทักษะ ความช�
ำนาญ ประสบการณ์
มาท�
ำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในทิศทางเดียวกัน
ครูพี่เลี้ยง
หมายถึง ครูวิทยาศาสตร์ที่ท�
ำหน้าที่ให้การช่วย
เหลือครูวิทยาศาสตร์ที่มีประสบการณ์น้อยกว่า โดยเป็นผู้ให้
ค�
ำปรึกษา สอนงาน ผ่านกระบวนการสนทนาแลกเปลี่ยนความ
คิดเห็น การใช้ค�
ำถาม การรับฟังและวิเคราะห์ปัญหาร่วมกัน
เพื่อน�
ำไปสู่การวางแผนช่วยเหลือ ก�
ำกับดูแล ติดตาม ให้เกิดการ
เรียนรู้และพัฒนางานด้านการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์
ดังนั้นผู้เขียนสนับสนุนแนวคิดของการพัฒนาสมรรถนะครู
วิทยาศาสตร์ในโรงเรียนที่มีประสบการณ์และศักยภาพสูงให้
สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นครูพี่เลี้ยงให้แก่ครูวิทยาศาสตร์ใน
โรงเรียนที่มีประสบการณ์น้อยกว่า ครูที่มีประสบการณ์การสอน
มากกว่าจะมีความสามารถในการให้ความช่วยเหลือครูบรรจุใหม่
ได้ อย่างไรก็ตามการจัดให้มีระบบพี่เลี้ยงในโรงเรียนก็ควรมี
กลยุทธ์ของการพัฒนาสมรรถนะที่จ�
ำเป็นส�
ำหรับครูพี่เลี้ยงด้วย
จากการวิจัยของผู้เขียนพบว่าการเสริมสร้างสมรรถนะให้กับ
ครูวิทยาศาสตร์ที่ท�
ำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงในโรงเรียนให้มีความรู้ และ
ทักษะที่จ�
ำเป็นส�
ำหรับการเป็นครูพี่เลี้ยงที่มีคุณภาพโดยอาศัย
หลักการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างครูพี่เลี้ยงด้วยกันเองและระหว่าง
พี่เลี้ยงกับครูวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการช่วยเหลือ จะส่งผลให้ครู
พี่เลี้ยงและครูวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนมีสมรรถนะเพิ่มขึ้น และ
นอกจากนี้ยังเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือที่ดีของครู
ในโรงเรียนอีกด้วย เพราะการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม คือ การมี
ส่วนร่วมในการแบ่งปันความรู้และใช้ประโยชน์จากการแบ่งปัน
เพื่อน�
ำไปสู่ทักษะทางความคิด โดยการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีมจะ
เป็นตัวช่วยให้คนในองค์กรมีประสบการณ์กับสิ่งต่าง ๆ ในมุมมอง
ที่หลากหลาย ท�
ำให้เป็นการขยายขอบเขตการรับรู้ มีความเข้าใจ
ที่ลึกซึ้งและชัดเจนขึ้น ซึ่งน�
ำไปสู่การพัฒนาตนเองในที่สุด
1. การคัดเลือกครูพี่เลี้ยง
- เพื่อค้นหาผู้มีศักยภาพสูงเข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์
โดยการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม
2. การสร้างความร่วมมือและข้อตกลงการปฏิบัติงานของ
ครูพี่เลี้ยง
- เพื่อสร้างความเข้าใจถึงเป้าหมายและระบบพี่เลี้ยงในโรงเรียน
และข้อตกลงการปฏิบัติงานร่วมกับครูพี่เลี้ยงและครูวิทยาศาสตร์
ในโรงเรียน
3.
การพัฒนาสมรรถนะครูพี่เลี้ยง
- เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ซึ่งได้แก่ ความรู้และทักษะที่
จ�
ำเป็นในการท�
ำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง
4.
การก�
ำกับ ดูแลและติดตามการปฏิบัติงานครูพี่เลี้ยง
- เพื่อการวางแผนก�
ำหนดตารางการปฏิบัติงานร่วมกัน รวมทั้ง
การก�
ำกับดูแลและติดตาม การพัฒนางาน ทั้งนี้เพื่อช่วย
เสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนการสอนให้กับครู
วิทยาศาสตร์