

15
ปีที่ 41 ฉบับที่ 182 พฤษภาคม - มิถุนายน 2556
เรียนรู้สภาวะโลกร้อน
ด้วย STEM Education แบบบูรณาการ
เรื่องเด่นประจำ
�ฉบับ
รักษพล ธนานุวงศ์
นักวิชาการ สาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนต้น สสวท. / e-mail :
rthan@ipst.ac.th“เรียนวิทยาศาสตร์ไปทำ
�ไม เรียน
แล้วไม่เห็นจะได้ใช้เลย สอบเสร็จ
ไปแล้วก็ลืม” ความคิดเห็นแบบนี้
หลายคนคงเคยได้ยินจากเสียง
พูดคุยของผู้ที่ ได้เคยผ่านการ
เรียนวิทยาศาสตร์ ในโรง เรียน
แต่ความคิดเห็นทำ
�นองนี้อาจจะ
ต้องเปลี่ยนไป เมื่อการเรียนการ
สอนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนเป็น
STEMEducation แบบบูรณาการ
STEM Education แบบบูรณาการคืออะไร
ในอดีตที่ผ่านมา การเรียนวิทยาศาสตร์ (Science)
คณิตศาสตร์ (Mathematics) และเทคโนโลยี (Technology)
ในโรงเรียน เป็นการเรียนรู้ที่แยกออกจากกันอย่างอิสระ และ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า การเรียนรู้ด้วยแนวทางดัง
กล่าวทำ
�ให้ผู้เรียนไม่เห็นว่าวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์มีความ
เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำ
�วัน เกิดความเบื่อหน่ายในการเรียนและ
ขาดทักษะในการนำ
�สิ่งที่ได้เรียนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
[
1
]
อย่างไรก็ดี เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ได้มีกลุ่มของนักการศึกษาและ
นักวิชาการในประเทศสหรัฐอเมริกาพยายามผลักดันให้การเรียน
รู้วิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นวิชาที่มี
ความสำ
�คัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ ได้เป็นการเรียนรู้แบบ
บูรณาการมากขึ้น พร้อมทั้งให้มีการเน้นวิชาวิศวกรรมศาสตร์
(Engineering ซึ่งเป็นตัวอักษร “E” ใน STEM) ที่เคยถูกละเลย
ในอดีต แต่มีความสำ
�คัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันในการเรียนให้
มากขึ้น โดยเสนอให้ใช้วิชาวิศวกรรมศาสตร์เป็นตัวประสานให้
ศาสตร์ทั้งสี่เข้าด้วยกัน ซึ่งแนวทางการเรียนรู้แบบนี้ นอกจาก
จะพบว่าสามารถช่วยให้ผู้เรียนมีความสนใจในวิชาทั้งสี่มากยิ่ง
ขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้ผู้เรียนได้เกิด “การเรียนรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”
(Deeper Learning)
[
2
]
และสามารถพัฒนาทักษะในการเรียน
รู้ข้ามศาสตร์ทั้งสี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิศวกรรมศาสตร์
(Engineering)
คณิตศาสตร์
(Mathematics)
ภาพที่ 1
STEM ย่อมาจาก Science (วิทยาศาสตร์) Technology (เทคโนโลยี)
Engineering (วิศวกรรมศาสตร์) และ Mathematics (คณิตศาสตร์)
เทคโนโลยี
(Technology)
วิทยาศาสตร์
(Science)