

38
จากกรอบการประเมิน จะเห็นได้ว่าปัจจัยหลักสองประการ
ที่ส่งผลต่อการเกิดสมรรถนะในการแก้ปัญหาแบบร่วมมือ ได้แก่
พื้นฐานของนักเรียน และทักษะที่นักเรียนมี
พื้นฐานของนักเรียน
ประกอบด้วย
ความรู้ที่ติดตัวนักเรียนมา ได้แก่ ความรู้ด้านคณิตศาสตร์
การอ่านและการเขียน วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม และการ
เรียนรู้ในชีวิตประจ�
ำวัน
บุคลิกลักษณะของนักเรียน ได้แก่ อารมณ์และเจตคติ
ประสบการณ์และความรู้ แรงจูงใจ และความสามารถทางการคิด
ทักษะที่นักเรียนมี
ประกอบด้วย
ทักษะการท�
ำงานแบบร่วมมือ ได้แก่ การสร้างความ
เข้าใจร่วมกัน การมองจากมุมมองของผู้อื่น การอธิบาย การเข้าถึง
ผู้ฟัง การประสานงาน การโต้แย้งด้วยเหตุผล การท�
ำตามบทบาท
หน้าที่ และการมีกฎระเบียบร่วมกัน
ทักษะการแก้ปัญหา ได้แก่ การส�
ำรวจและท�
ำความ
เข้าใจ การน�
ำเสนอและคิดหาวิธี การวางแผนและด�
ำเนินการ
และการติดตามและสะท้อนความเห็น
นักเรียนใช้สมรรถนะต่อไปนี้ในการแก้ปัญหาแบบร่วมมือ
1. การสร้างและเก็บรักษาความเข้าใจที่มีร่วมกัน
รู้และเข้าใจข้อสนเทศที่ส�
ำคัญ รวมทั้งจุดแข็งและ
จุดอ่อนที่สัมพันธ์กับงานที่ตนเองและเพื่อนร่วมกลุ่มต้องด�
ำเนินการ
สื่อสารข้อสนเทศ ติดตาม แก้ไขและเก็บรักษาความ
เข้าใจที่มีร่วมกันตลอดการท�
ำภารกิจ
2. การเลือกวิธีด�
ำเนินการที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา
เข้าใจปัญหาและรู้แนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสม
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
สื่อสารในกลุ่มระหว่างท�
ำงานร่วมกันโดยใช้การอธิบาย
การอภิปราย การต่อรอง การให้เหตุผล และการโต้แย้ง
ด�
ำเนินการตามแผนที่วางไว้ร่วมกันตามบทบาทหน้าที่ของตน
3. การสร้างและรักษาระเบียบของกลุ่ม
เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนและเพื่อนร่วมกลุ่ม รวมทั้งเฝ้า
ติดตามและรักษากฎระเบียบที่มีร่วมกัน
สื่อสารและถ่ายทอดข้อสนเทศที่ส�
ำคัญ ตลอดจนปัญหา
และอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมกลุ่ม
บริบทของแบบทดสอบ มีลักษณะดังนี้
ลักษณะเฉพาะของงาน : สถานการณ์ที่ให้นักเรียนแก้ปัญหา
อาจให้ข้อสนเทศมาอย่างชัดเจน หรือให้ข้อสนเทศที่คลุมเครือ
ไม่เพียงพอต่อการท�
ำภารกิจ ดังนั้น นักเรียนต้องใช้ข้อสนเทศที่
ตนเองมี หรืออาจจ�
ำเป็นต้องค้นหาข้อสนเทศเพิ่มเติมและใช้
ข้อสนเทศอื่น ๆ จากเพื่อนร่วมกลุ่มมาประกอบกันเพื่อให้ท�
ำ
ภารกิจต่อไปได้
โครงเรื่องของปัญหา : ข้อสอบจะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ในห้องเรียน โรงเรียน หรือในชีวิตจริงนอกโรงเรียน และเกี่ยวข้อง
กับเรื่องต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การอ่าน สิ่งแวดล้อม
ชุมชน และการเมือง นอกจากนี้ นักเรียนและเพื่อนร่วมกลุ่มซึ่ง
มีทักษะ ข้อสนเทศ และเป้าหมายแตกต่างกัน ยังจ�
ำเป็นต้องใช้
การปฏิสัมพันธ์รูปแบบต่าง ๆ เช่น การโต้แย้งด้วยเหตุผล
การอภิปราย และการโน้มน้าว เพื่อน�
ำมาสู่การตัดสินใจร่วมกัน
ในการท�
ำภารกิจ
การสื่อสารจากเนื้อเรื่อง : สถานการณ์ในข้อสอบอาจให้
ข้อสนเทศโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่นักเรียน ข้อสนเทศที่ให้อาจมี
ปริมาณมากหรือเพียงเล็กน้อย หรือสอดคล้องกับชีวิตจริง
ของนักเรียนมากน้อยต่างกัน
องค์ประกอบของกลุ่ม : ในแต่ละภารกิจจะก�
ำหนดให้มี
จ�
ำนวนสมาชิกในกลุ่มต่างกัน และแต่ละคนมีสถานภาพและ
บทบาทหน้าที่ต่างกันด้วย
ลักษณะของข้อสอบการแก้ปัญหาแบบร่วมมือนั้น จะมีการ
ก�
ำหนดสถานการณ์ของปัญหามาให้ ทั้งที่เป็นสถานการณ์ที่เกิด
ในโรงเรียนหรือเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจ�
ำวันพร้อมทั้งระบุรายละเอียด
และเงื่อนไขของปัญหา รวมถึงบทบาทหน้าที่ที่นักเรียนและเพื่อน
ร่วมกลุ่มต้องท�
ำ นักเรียนต้องอ่านข้อมูลที่ให้ในสถานการณ์และ
รวบรวมข้อมูลหรือความสามารถที่ทุกคนในกลุ่มมี จากนั้นจึงน�
ำ
ข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการตัดสินใจ วางแผนงาน หรือหาข้อสรุป
เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาและท�
ำภารกิจได้ส�
ำเร็จ
ลักษณะข้อสอบด้านการแก้ปัญหาแบบร่วมมือของ PISA
2015 เป็นอย่างไร