

43
ปีที่ 43 ฉบับที่ 194 พฤษภาคม - มิถุนายน 2558 ี
ที่ ั
บี่ ิ
ถุน
มีหลักฐาน หรือ งานวิจัย สนับสนุนแนวทางการ
“สอนก่อน แล้วค่อยท�
ำข้อสอบ” หรือไม่
แนวทางการ “สอนก่อน แล้วค่อยท�
ำข้อสอบ”
มีลักษณะส�
ำคัญอะไรบ้าง
โดยสรุปการ “สอนก่อน แล้วค่อยท�
ำข้อสอบ” คือการน�
ำ
แนวปฏิบัติที่มีงานวิจัยรองรับ และ มีการพิสูจน์มาแล้วว่า น�
ำไปใช้
แล้วส่งผลเชิงบวกกับนักเรียน ทั้งคะแนนการสอบ พฤติกรรม ฯลฯ
ซึ่งมีลักษณะส�
ำคัญ 7 ลักษณะ ดังต่อไปนี้
1.ครูมีการประเมินความรู้เดิมของนักเรียน ให้ความส�
ำคัญ
กับความรู้ เดิมของนักเรียนในการน�
ำมาวางแผนการเรียน
การสอน และมีการประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนในด้านต่าง ๆ
ระหว่างการเรียน (formative assessment) ด้วยวิธีที่หลากหลาย
พร้อมสะท้อนผลการประเมิน (feedback) ให้นักเรียนได้ทราบ
เป็นระยะ ๆ ตามเวลาที่เหมาะสม ตลอดช่วงระยะเวลาการสอน
2.ครูเป็นผู้อ�
ำนวยการเรียนรู้ (facilitator) ของนักเรียน
คอยตั้งค�
ำถามที่สร้างประเด็นให้นักเรียนเกิดความสนใจ ต้องการ
มีส่วนร่วมในการอภิปรายและหาค�
ำตอบ และใช้ค�
ำถามที่กระตุ้น
การพัฒนาการคิดขั้นสูง (higher-order thinking) กับนักเรียน
ตลอดช่วงการเรียนรู้
3.นักเรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เป็นผู้ค้นพบความรู้
ด้วยตนเอง มีความรู้สึกเป็นเจ้าของของสิ่งที่ได้เรียนรู้ ยกตัวอย่าง
เช่น ในวิชาวิทยาศาสตร์ จะใช้แนวทางของกระบวนการสืบเสาะ
หาความรู้ (inquiry)
4.นักเรียนได้ฝึกฝนการน�
ำความรู้และทักษะที่ได้เรียนรู้ไปใช้
แก้ปัญหาที่ท้าทาย เกี่ยวข้องกับชีวิตประจ�
ำวัน และมีลักษณะ
เหมือนสถานการณ์ในชีวิตจริง (authentic) โดยมีการบูรณาการ
ร่วมกับความรู้และทักษะในสาขาวิชาอื่น ๆ
5.ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สะท้อนสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วย
วิธีการที่หลากหลาย เช่น การน�
ำเสนอ การวาดผังมโนทัศน์การเขียน
ในใบกิจกรรม และให้นักเรียนได้มีโอกาสวิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่ได้
เรียนรู้ แนวคิดของตนเอง และแนวคิดของเพื่อนร่วมชั้น ผ่าน
การถาม-ตอบ และ การอภิปรายในชั้นเรียน
6.นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมกับการเรียนรู้ ไม่มีการเน้น
ตัดสินผล แพ้ ชนะ เพื่อมอบรางวัล หรือคัดเลือก ที่สร้าง
บรรยากาศของความวิตกกังวล หรือ เกรงกลัวในการท�
ำผิดพลาด
(non-threatening environment)
7 . ค รู ใ ห้ นั ก เ รี ย น ท�
ำ แ บ บ ท ด ส อ บ ห ลั ง ก า ร เ รี ย น
เพื่อประเมินความเข้าใจในสิ่งที่ได้เรียนรู้ทั้งหมด (summative
assessment) และฝึกฝนการท�
ำข้อสอบที่มีลักษณะเหมือน
ข้อสอบในแบบทดสอบมาตรฐาน ก่อนจะมีการวิเคราะห์และ
อภิปรายร่วมกัน เกี่ยวกับข้อสอบแต่ละข้อ หลังจากที่นักเรียนได้
ท�
ำข้อสอบเสร็จ
การ “สอนก่อน แล้วค่อยท�
ำข้อสอบ” ไม่ใช่เป็นการสอนเพื่อ
เน้นการท�
ำคะแนนสอบได้ดี แต่เป็นการสอนเพื่อความเข้าใจที่
ลึกซึ้ง เพื่อการเรียนรู้ที่มีความหมาย เพื่อการเรียนรู้ว่าตนเอง
เรียนรู้อย่างไร เพื่อส่งเสริมศักยภาพของทักษะการคิด เพื่อสร้าง
เสริมทักษะการน�
ำความรู้ไปใช้ ฯลฯ ก่อนจะมีการให้นักเรียน
ฝึกฝนท�
ำข้อสอบ ซึ่งได้มีตัวอย่างและงานวิจัยหลายงานวิจัยได้
พบว่า การสอนด้วยแนวทางดังกล่าว ช่วยให้นักเรียนท�
ำคะแนน
การสอบของแบบทดสอบมาตรฐานได้ดีด้วยในที่นี้ จะขอน�
ำ
เสนองานวิจัย 2 งานวิจัย ดังต่อไปนี้
- งานวิจัยของทีมนักวิจัยจาก University of Iowa
(Taylor, Therrien, Kaldenberg, Watt, Chanlen & Hand,
2012; Chanlen, 2013) ได้ท�
ำการศึกษาผลคะแนนการสอบ
มาตรฐานของนักเรียนที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ด้วยแนวทางการสอน
ที่เรียกว่า Science Writing Heuristic (SWH) ซึ่งเป็นแนวทาง
ก า ร สอนที่ เ น้ นก า รอภิปร า ย โ ต้ แย้ ง ( a r g umen t )
ภายใต้บริบทการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ (inquiry) และเน้น
การส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักตั้งค�
ำถาม (question) สร้างค�
ำอธิบาย
เพื่อตอบค�
ำถาม (claim) หาหลักฐานมาสนับสนุน (evidence)
และได้สะท้อนความเข้าใจด้วยการเขียน โดยผลการวิจัยได้
พบว่า กลุ่มนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยวิธีการ SWH สามารถท�
ำคะแนน
การสอบแบบทดสอบมาตรฐานได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มที่
ได้เรียนรู้ด้วยแนวทาง SWH ตั้งแต่ระดับประถมสามารถท�
ำ
คะแนนสอบได้ดีกว่ากลุ่มที่เริ่มเรียนรู้ด้วยแนวทาง SWH ในระดับ
มัธยมปลาย นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า นักเรียนที่มีพื้นฐาน
ไม่ดี สามารถท�
ำคะแนนการสอบเพิ่มขึ้นได้มาก ซึ่งช่วยลด
ช่องว่างของผลสัมฤทธิ์ (achievement gap) ได้เป็นอย่างดี
- ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ทีมนักวิจัยด้านการศึกษาของ
University of Chicago: Chicago Consortium on School
Research (Newmann,Bryk & Nagaoka,2001) ได้ท�
ำการวิจัย
เพื่อตอบค�
ำถามที่ว่า “ผลคะแนนจากการสอบแบบทดสอบ
มาตรฐานของนักเรียนจะเป็นอย่างไร ถ้าครูมอบหมายงานที่ต้องใช้
ความคิดขั้นสูง (higher-order thinking) และเน้นการสื่อสาร
สิ่งที่ได้เรียนรู้หลากหลายรูปแบบ” ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่
ได้เรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์จากกิจกรรมที่มีแนวทางดังกล่าวใน
ชั้นเรียน สามารถท�
ำคะแนนในการสอบแบบทดสอบมาตรฐาน
ได้มากกว่าคะแนนเฉลี่ย (ของนักเรียนทั้งประเทศ) 20 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่นักเรียนที่มีโอกาสเรียนรู้จากกิจกรรมดังกล่าวบ้างเป็น
บางครั้ง ท�
ำคะแนนได้ต�่
ำกว่าคะแนนเฉลี่ย