Previous Page  29 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 29 / 62 Next Page
Page Background

ร่วมกิจกรรมได้ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ

เทคโนโลยี ควบคู่กับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์เข้ามา

ช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อวัสดุเพื่อให้การบริหารจัดการงบ

ประมาณที่มีอยู่จ�

ำกัดให้คุ้มค่ามากที่สุด

เมื่อทุกกลุ่มได้ออกแบบเชือกส�

ำหรับบันจีจัมป์เสร็จเรียบร้อย

แล้ว ตัวแทนกลุ่มต้องออกมาน�

ำเสนอแนวทางในการพัฒนา

เชือกส�

ำหรับปล่อยบันจีจัมป์ เวลาในการน�

ำเสนอประมาณกลุ่ม

ละ 10 นาที โดยน�

ำเสนอใน 3 หัวข้อหลัก คือ

1. วิธีการวัดความสูงของตึกและความสูงของตึกที่วัดได้

2. เหตุผลในการเลือกวัสดุมาท�

ำเป็นเชือกบันจีจัมป์

3. เหตุผลในการเลือกความยาวของเชือกบันจีจัมป์

หลักจากการน�

ำเสนอจึงจัดการแข่งขันปล่อยลูกโป่งน�้

บันจีจัมป์ทั้งหมด 3 ครั้ง โดยภายหลังการปล่อยแต่ละครั้ง แต่ละ

กลุ่มจะมีโอกาสในการปรับแก้ผลงานทั้งสิ้น 15 นาที ส่วนคะแนน

การแข่งขันจะมีทั้งหมด 3 ส่วน คือ 1) คะแนนการปล่อยลูกโป่ง

น�้

ำบันจีจัมป์ 2) คะแนนการบริการจัดการงบประมาณที่ให้ และ

3) คะแนนการน�

ำเสนอผลงาน

แนวคิดที่ได้จากการจัดกิจกรรมลูกโป่งน�้

ำบันจีจัมป์

จุด

มุ่งหมายหลักของการออกแบบกิจกรรมลูกโป่งน�้

ำบันจีจัมป์เพื่อ

ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้ควบคู่ไปกับความสนุกจากการ

ท�

ำกิจกรรม ซึ่งพบว่ากิจกรรมลูกโป่งน�้

ำบันจีจัมป์เป็นกิจกรรม

ที่สนุก เข้าใจง่าย เห็นผลเร็ว และท้าทายความสามารถของผู้

เข้าร่วมกิจกรรมทุกระดับ ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดีจากผู้

เข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมนี้ท�

ำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้มีโอกาส

สัมผัสและทดสอบคุณสมบัติของเชือกที่หลากหลาย นอกจาก

นี้ยังได้เรียนรู้ว่า ในชีวิตจริงนั้นมีข้อจ�

ำกัดในการแก้ปัญหาอยู่

จ�

ำนวนมาก ในที่นี่คือ วัสดุที่ใช้ งบประมาณ ความอ่อนแอของ

ลูกโป่งน�้

ำ และเวลาในการแก้ปัญหา กิจกรรมนี้จึงท�

ำให้ผู้เข้า

ร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการแก้ปัญหาซึ่งต้องมี

การวางแผน มีการศึกษาหาความรู้ และมีการน�

ำความรู้ที่ได้นั้น

มาใช้ประกอบการพิจารณาคัดเลือกแนวทางและวิธีการในการ

แก้ปัญหา กิจกรรมลูกโป่งน�้

ำบันจีจัมป์จึงเป็นกิจกรรมตามแนว

สะเต็มศึกษากิจกรรมหนึ่งที่สาขาฟิสิกส์ สสวท. แนะน�

ำให้ท่าน

ผู้อ่านที่เป็นครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ลองน�

ำไปประยุกต์

ใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน หรือลองน�

ำแนวคิดการ

จัดกิจกรรมสะเต็มนี้ไปออกแบบและพัฒนากิจกรรมสะเต็มอื่น ๆ

จะเห็นได้ว่าการจัดกิจกรรมสะเต็มนั้น ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนแต่

เพียงอย่างใด วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สามารถหาได้ง่ายและมีอยู่รอบตัว แต่ละ

บรรณานุกรม

National Research Council. (2011).

Successful K-12 STEM

education:

Identifying effective approaches in science, technology, engineering,

and mathematics.

Washington, D.C.: National Academies Press.

National Research Council. (2012).

A Framework for K-12 Science

Education: Practices, Crosscutting Concepts, and Core Ideas.

Washington, D.C.: National Academies Press.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กระทรวงศึกษาธิการ. (2554).

หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา เล่ม ๒.

กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์

สกสค. ลาดพร้าว.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กระทรวงศึกษาธิการ. (2555).

หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม ฟิสิกส์ เล่ม ๑.

กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์

สกสค. ลาดพร้าว.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กระทรวงศึกษาธิการ. (2555).

หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม ฟิสิกส์ เล่ม ๒.

กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์

สกสค. ลาดพร้าว.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กระทรวงศึกษาธิการ. (2556).

หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ.

กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กระทรวงศึกษาธิการ. (2556).

หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน สารและสมบัติของสาร.

กรุงเทพมหานคร:

โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กระทรวงศึกษาธิการ. (2556).

หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม เคมี เล่ม ๕.

กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์

สกสค. ลาดพร้าว.

กิจกรรมสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่

แต่สิ่งที่ส�

ำคัญที่สุดของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็ม

ศึกษา คือการกล้าคิดนอกกรอบ กล้าจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่แตก

ต่างไปจากเดิม โดยต้องเปิดโอกาสและสร้างทางเลือกให้กับผู้เรียน

ในหลายรูปแบบ เพื่อให้ผู้เรียนรู้จัดคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ และ

ประเมินค่าของวิธีการแก้ปัญหาในรูปแบบต่าง ๆ จนได้มาซึ่งวิธี

การที่เหมาะสมที่สุด กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาจึง

เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ควรน�

ำมาใช้ในชั้นเรียนเพื่อช่วยส่งเสริมความ

คิดสร้างสรรค์และจินตนาการของผู้เรียนอีกทางหนึ่ง

ภาพตัวอย่างการแข่งขัน

ปีที่ 42

|

ฉบับที่ 185

|

พฤศจิกายน-ธันวาคม 2556

29