Previous Page  26 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 26 / 62 Next Page
Page Background

เรื่องเด่นประจำ

�ฉบับ

กวิน เชื่อมกลาง

นักวิชาการ สาขาฟิสิกส์ สสวท

. / e-mail:

kchau@ipst.ac.th

กิจกรรมสะเต็มหรรษา

: ลูกโป่งน�้

ำบันจีจัมป์

กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษามีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อ

เสริมสร้างทักษะและกระบวนการในการประยุกต์ใช้องค์ความ

รู้ต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาทั้งในการด�

ำเนินชีวิตประจ�

ำวันและการ

ประกอบอาชีพของนักเรียนในอนาคต และให้นักเรียนสามารถ

เชื่อมโยงความรู้ที่ได้เรียนในชั้นเรียนกับนวัตกรรมต่าง ๆ ใน

ชีวิตประจ�

ำวันได้ นอกจากนี้กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็ม

ศึกษายังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้

วิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีอีกด้วย

ในวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา สาขาฟิสิกส์

สสวท. ได้มีโอกาสเป็นตัวแทนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตาม

แนวสะเต็มศึกษาให้กับบุคลากรภายใน สสวท. เพื่อเป็นการเผย

แพร่และแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

สะเต็มพร้อมทั้งเป็นการทดลองใช้กิจกรรมสะเต็มที่สาขาฟิสิกส์

พัฒนาขึ้น โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนั้น คือ “

กิจกรรมสะเต็ม

หรรษา: ลูกโป่งน�้

ำบันจีจัมป์

” ซึ่งจะเป็นกิจกรรมที่น�

ำเสนอใน

บทความนี้ โดยผู้เขียนจะขอเริ่มจากการอธิบายเกี่ยวกับนิยาม

ที่มาและความส�

ำคัญของสะเต็มศึกษาก่อน เพื่อให้ท่านผู้อ่านมี

ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็ม

ศึกษาภายใต้แนวคิดของสาขาฟิสิกส์ สสวท. จากนั้นจึงจะกล่าว

ถึงแนวทางในการจัดกิจกรรมลูกโป่งน�้

ำบันจีจัมป์

สะเต็มศึกษา (STEM Education)

สะเต็มศึกษาเกิดขึ้นภายใต้แนวความคิดของนักการศึกษา

กลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่า นักเรียนทุกคนควรได้รับความรู้ความเข้าใจ

และทักษะกระบวนการทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง

เหมาะสมเพื่อน�

ำไปใช้ประกอบการคิดและการตัดสินใจในการ

ด�

ำรงชีวิตอยู่ในสังคม ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ให้มีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป สะเต็มศึกษาจึงให้ความส�

ำคัญกับ

การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะที่จ�

ำเป็นต่อการใช้

แก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจ�

ำวัน โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องการ

รักษาสิ่งแวดล้อม การขาดแคลนแหล่งพลังงาน การขาดแคลน

ทรัพยากรธรรมชาติ และการดูแลสุขพลานามัย ซึ่งจ�

ำเป็นต้อง

ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์

และเทคโนโลยี เข้ามาช่วยในการหาแนวทางแก้ปัญหา

สะเต็มศึกษาเป็นกิจกรรมการจัดการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งที่

ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์

และเทคโนโลยีให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยการบูรณาการ

ทั้งสามวิชาผ่าน

กระบวนการการออกแบบวิศวกรรมศาสตร์

(Engineering design process)

สะเต็มศึกษาไม่ได้มุ่งเน้นเพียง

เนื้อหาสาระ ทักษะ และกระบวนการที่จ�

ำเป็นในการท�

ำความ

เข้าใจและแสวงหาองค์ความรู้ แต่สะเต็มศึกษาได้ให้ความส�

ำคัญ

กับกระบวนการในการน�

ำความรู้เหล่านี้มาใช้ประกอบการคิด

ค้นหา และคัดเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ปัญหาที่

เกี่ยวข้องกับการด�

ำเนินชีวิตและการท�

ำงานอีกด้วย

กระบวนการการออกแบบทางวิศวกรรมศาสตร์ ได้มีการน�

มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้และก�

ำหนดไว้ในหลักสูตร

แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีพุทธศักราช 2551 โดยเรียก

กระบวนการนี้ว่า

กระบวนการเทคโนโลยี (Technological

process)

ประกอบด้วยการท�

ำงาน 7 ขั้นตอน คือ

1. ก�

ำหนดปัญหาหรือความต้องการ (Identify the problem,

need or preference)

2. รวบรวมข้อมูล (Information gathering to develop

possible solutions)

3. เลือกวิธีการ (Selection of the best possible solu-

tions)

4. ออกแบบและปฏิบัติ (Design and making)

5. ทดสอบ (Testing to see if it works)

6. การปรับปรุง (Modification and improvement)

7. ประเมินผล (Assessment)

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)

ได้ริเริ่มและส่งเสริมให้มีการน�

ำกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนว

สะเต็มศึกษามาใช้ในห้องเรียนเพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการ

จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์

(Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์

(Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics)

สแกนโค้ดนี้เพื่อชม

ภาพเคลื่อนไหว

นิตยสาร สสวท.

26